เฉลยธรรมบัญญัติ คือ อะไร
แปลว่าอะไร ความหมาย
What is DEUTERONOMY ?
เฉลยธรรมบัญญัติ DEUTERONOMY
หลังจากอิสราเอลได้รับธรรมบัญญัติที่ภูเขาซีนาย พวกเขาได้อยู่ในถิ่นทุรกันดารซึ่งอยู่ระหว่างภูเขาซีนายกับแผ่นดินคานาอัน ประมาณสี่สิบปี ในระหว่างสี่สิบปีนั้น คนรุ่นก่อนที่ได้รับพระบัญญัติที่ภูเขาซีนายได้เสียชีวิตลงหมดทุกคนแล้ว ฝูงชนที่จะเข้าคานาอันจึงเป็นคนรุ่นใหม่ ฉะนั้นก่อนที่พวกนี้จะเดินทางเข้าสู่คานาอัน โมเสสจึงกล่าวธรรมบัญญัติซ้ำอีกครั้งหนึ่ง ทั้งอธิบายเพิ่มเติมข้อความต่าง ๆ เพื่อแก้ไขข้อข้องใจของประชาชนรุ่นใหม่นี้ เพื่อให้พวกเขาทราบเรื่องพระประสงค์ของพระเจ้าอย่างละเอียด หนังสือที่บันทึกคำสอนของโมเสสในโอกาสนี้จึงได้ชื่อว่าเฉลยธรรมบัญญัติ
ลักษณะของหนังสือเล่มนี้
หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติไม่เพียงแต่กล่าวสอนข้อปฎิบัติ ข้อห้ามแบบธรรมบัญญัติเท่านั้น แต่มีลักษณะเป็นคำเทศนามากกว่า โมเสสเน้นย้ำว่า พระเจ้าไม่ประสงค์ให้อิสราเอลฝืนใจปฎิบัติตามคำสั่งเพราะกลัวโทษ แต่พระองค์ทรงตเองการให้พวกเขาเชื่อฟังพระเจ้า เพราะเขารักพระองค์ (ฉธบ. 6:3; 5-9; 7:7-8; 11; 8:5) หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติต่างกับหนังสือเลวีนิติและกันดารวิถี สองเล่มนั้นเขียนสำหรับพวกปุโรหิตและพวกเลวี แต่หนังสือเฉลยธรรมบัญญัติเขียนเพื่อประชาชนทั่ว ๆ ไป (ฉธบ. 8:6; 10:12-13)
สิ่งที่สำคัญในหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติคือ พันธสัญญาที่พระเจ้าทรงกระทำกับชาติอิสราเอล พระองค์ทรงเลือกอิสราเอลให้เป็นประชากรของพระองค์ ทรงสัญญาว่าจะประทานแผ่นดินคานาอันให้พวกเขาเข้าอาศัยอยู่ (ฉธบ. 7:7; 8:1; 9:4-5) อิสราเอลได้รับพระพรนี้ เขาตอบสนองโดยสาบานต่อพระเจ้าว่าเขาจะเชื่อฟังพระองค์ (ฉธบ. 5:6-7; 6:1-3; 10:12-13 ดู พันธสัญญา)
รูปแบบของหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติเหมือนกับหนังสือพันธสัญญาที่ใช้กันโดยทั่วไปในสมัยนั้น กษัตริย์ที่ยึดครองชาติที่เล็กกว่าจะกระทำพันธสัญญากับพวกเขาโโยกล่าวไว้ว่า พระองค์จะวางแนวทางชีวิตให้พวกเขา ถ้าพวกเขายอมอยู่ใต้บังคับบัญชาของพระองค์ก็จะได้รับผลประโยชน์อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ถ้าพวกเขากบฏก็จะมีโทษอย่างหนัก ถ้าเราอ่านหนังสือเฉลยธรรมบัญญัติทำนองว่าเป็นหนังสือรับรองพันธสัญญาระหว่างพระเจ้ากับอิสราเอล เราคงจะเข้าใจหนังสือนี้ได้ดีขึ้น
ข้อความในหนังสือพันธสัญญา
หนังสือพันธสัญญาในสมัยนั้นเริ่มต้นโดยกษัตริย์กล่าวว่าได้ทรงกระทำอะไรเพื่อประชาชน ฉะนั้นโมเสสเริ่มต้นโดยกล่าวว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำอะไรเพื่ออิสราเอล จึงได้นำพวกเขาออกจากอียิปต์และจะนำเข้าสู่คานาอัน (1:1-3:29) ส่วนอิสราเอลควรตอบแทนโดยการซื่อสัตย์ต่อพระองค์ (4:1-43)
ต่อไปกล่าวถึงข้อใหญ่ของพันธสัญญาคือพระบัญญัติสิบประการ (4:44-5:33) พวกเขาจะปฎิบัติตามพระบัญญัติได้ โดยมีความรักต่อพระองค์อย่างแท้จริง เขาไม่ควรทรยศต่อพระเจ้าของเขา โดยหันไปผูกพันกับพระของคนต่างชาติ (6:1-25) พระเจ้าจะประทานแผ่นดินดีให้พวกเขา แต่เขาต้องจำไว้เสมอว่า สิ่งที่สำคัญกว่าอาหารกับผลิตผลแห่งธรรมชาติคือ ความเชื่อไว้วางใจในพระเจ้า (7:1-8:20) ประชาชนจึงไม่มีควรจะดื้อรั้น (9:1-10:11) แต่ควรจะถ่อมใจลงต่อพระเจ้าโดยมีจิตใจที่บริสุทธิ์ (10:12-11:32)
เมื่อกล่าวถึงข้อสำคัญโดยทั่วไปแล้วหนังสือก็กล่าวถึงรายละเอียด มีข้อปลีกย่อยหลายข้อซึ่งเกี่ยวกับชีวิตใหม่ที่พวกเขาจะพบในคานาอัน โมเสสจึงปรับปรุงบัญญัติบางข้อให้เหมาะสมกับสภาพการณ์ใหม่ในคานาอัน (เช่น ดู 11:10-11; 12:20-22; 14:24-27; 18:6-8)
เรื่องราวที่กลาวถึงในธรรมบัญญัติฉบับใหม่นี้ได้แก่ การนมัสการ (12:1-13:18) กฎปฎิบัติทางศาสนา (14:1-16:17) ความยุติธรรมในการปกครอง (16:18-19:21) การรักษาชีวิตมนุษย์โดยทั่วไป (20:1-21:23) ความบริสุทธิ์ทางเพศ (22:1-23:25) การปกป้องคนที่อาจถูกคนร่ำรวยกดขี่ (24:1-25:4) และความซื่อสัตย์ในการกระทำสิ่งต่าง ๆ(25:5-26:15) เสร็จแล้วผู้กระทำพันธสัญญาทั้งสองฝ่ายได้กล่าวสาบานว่าจะรักษาไว้ (26:16-19)
ตอนท้ายของหนังสือพันธสัญญาบันทึกไว้ว่า เจ้านายจะตอบแทนความเชื่อฟังโดยประทานรางวัลให้ แต่จะลงโทษความไม่เชื่อฟัง (27:1-28:68) เมื่อโมเสสกล่าวสิ่งทั้งหมดเหล่านี้เสร็จแล้ว ก็ประทับตราพันธสัญญา (29:1-30:20) ท่านได้บอกว่าควรจะมีการอ่านพันธสัญญาให้ประชาชนฟังทุกเจ็ดปี เพื่อพวกเขาจะไม่ลืม และควรจะเก็บหนังสือไว้ที่พลับพลาให้เป็นมาตรฐานที่แน่นอนในการปกครองชาติ (31:1-29)
โมเสสได้สรุปความโดยเขียนเพลงที่ประชาชนควรจะฝึกร้อง (31:30-32:47) แล้วท่านก็กล่าวคำอวยพรอิสราเอลทั้งสิบสองเผ่า (32:48-33:29) หลังจากท่านมีโอกาสดูแผ่นดินที่อิสราเอลกำลังจะเข้าไปอยู่นั้น ท่านก็ถึงแก่กรรม (34:1-12)