Sunday, December 1, 2019

Fundamentals of Networking Basic Questions and Answers

Fundamentals of Networking
Basic Questions and Answers

a)  Name the five layers in the Internet Protocol Stack.
Application
Transport
Network
Data Link
Physical

b)  Give two reasons why the Internet primarily uses packet switching instead of circuit switching.
Statistical multiplexing for busty traffic; No setup latency; No state; Simple; Robustness in the face of failure

c)  Considering a small network of four hosts and three links as depicted in the figure below. A 1,000,000 bits message is to be sent from A to D. The bandwidth of the first two links is 400,000 bps, but the link between C and D is 1,600,000 bps. Propagation delays of the links are negligible. Assume that circuit switching is used and the total circuit setup time is 100 ms, what is the time to send the message from A to D?
A → B→ C→ D
The overall circuit bandwidth is bounded by the slowest link which is 400,000 bps. Thus the time to send the message is the sum of the setup time (100ms) and the transmission time (1,000,000/400,000 = 2500 ms), which is 2600ms.


d)   Repeat part c by assuming that packet switching is used with packet size 10,000 bits plus header size of 160 bits, store-and-forward routers at B and C, as well as negligible queuing delays.
Number of packets = 1,000,000 / 10,000 = 100 packets
Size of each packets = 10,160 bits
Transmission time for the first packet
= transmission time from A to B + transmission time from B to C + transmission time from C to D
= 10160/400000 + 10160/400000 + 10160/1600000 = 57.15 ms
For the remaining 99 packets, the transmission time is dominated by the slowest link which operates at 400000 bits/second = 99 * 10160/400000 = 2514.6 ms
Total time = 2514.6 + 57.15 = 2571.75 ms

2) Application Layer
a)  Answer True or False to the following statements:
i) To get a Web page with some text and three images, a browser needs to send 1 request message and receives 4 response messages. FALSE
ii) Two pages (e.g. www.uky.edu/research.html and www.uky.edu/index.html) can be sent over the same persistent connection. TRUE
iii) With non-persistent connections, it is possible for a single TCP segment to carry two distinct HTTP request messages. FALSE
iv) HTTP response messages never have an empty message body. FALSE
v) One reason for having a proxy server is to provide caching. TRUE

b) Consider distributing a file of 10 Gbits to 100 peers in a P2P network. The server has an upload rate of 20 Mbps, and each peer has a download rate of 1 Mbps and an upload rate of 200 Kbps. Find the minimum distribution time.
To calculate the minimum distribution time in a P2P network, we can use the formula
DP2P = max{F/us, F/dmin, NF/(us+Σiui )}
where F = 10Gbits = 10,000 Mbits, us = 20 Mbps, dmin = 1 Mbps and ui = 0.2 Mbps for all i. F/us = 500s, F/dmin = 10,000 s and the last term is 25,000 s. So the last term dominates and the minimum distribution is 25,000s.
c) (10 points) Describe the steps a server takes in a typical network program with stream sockets. The first step has been filled in for you.
i) Create a socket
ii) Bind the socket to a well known port
iii) Listen to the socket for connections
iv) Accept the connection and create a temporary socket
v) Send and receive data from the client
vi) Close the temporary socket

3) Transport Layer
a) (5 points) What are the functions of port numbers in the TCP header? Why does TCP header include both source port number and destination port number?
They are multiplexing and de-multiplexing at the host. A TCP server needs both the source and destination port numbers in order to correctly identify the socket when communicating multiple clients.
b) (5 points) Assume that each bit position has at most one error. Identify the error bit locations in the following scenario:
data0: 1110 0110 0110 0100
data1: 1101 1101 0101 0101
checksum: 0100 0100 0000 0011
sum: 100000 0111 1011 1100
carry: 10
and then wraparound: 0000 0111 1011 1110
error bit positions: **** * * *
c) (10 points) A sliding window protocol is used in a transmission. The sender wants to send 10 packets with a rate 1 packet/ms. The propagation delay is 2 ms for any packet, and the time out is 8 ms. Assume Go-Back-N is used, window size is 5 packets and the packet #4 is lost. Fill up the below picture with information about sending packet from sender to receiver and ACK packet in the reverse direction.
Sender
Receiver
1 ms
2
3
4
5
6
7
8
4
5
6
7
8
9
10
Time out is 8 ms
1
\
4) (Outcome 3, 20 points) Transport Layer:TCP
The following graph shows the variation of the size of the congestion window (interpolated) of a TCP sender over time. MSS stands for Maximum Segment Size. Use this graph to answer the following questions.
a) (5 points) At time t0, what is the event that triggers the reduction of the window size by half?
The sender receives three duplicate ACK packets which indicate possible congestion. In response, it reduces the sending rate by halving the sending rate.
b) (5 points) At what rate is the congestion growing between time t0 and t1?
The congestion window grows by 1 MSS for every ACK the sender receives. The
slower increase is to slowly approach the equilibrium (fair) sending rate.
c) (5 points) At time t1, the window size drops to 1 MSS and stays there due time t2. What are the events that trigger the changes in window size in both time t1 and t2?
At time t1, there is a timeout event which is considered to be more serious than three duplicate ACKs. Thus, the sender drastically reduces the window size to 1 MSS rather than merely halving it. No new ACK packet is received until time t1 which then allows the congestion window to increase again.
d) (5 points) What happen at time t3?
To prevent an overshoot of sending rate, the sender changes from slow start to linear increase when the window size reaches half of the window size before the loss event.

การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการด้านร่างกาย


การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการด้านร่างกาย
1. การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการด้านร่างกายในวัยผู้ใหญ่ตอนต้น
       มีการเปลี่ยนแปลงจากวัยรุ่นไม่มากนัก และมีความสมบูรณ์เต็มที่เมื่ออายุ  20-30 ปี ร่างกายสามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดดังเช่น
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด หลังจากอายุ 30 ปีขึ้นไปแล้ว จะทำหน้าที่ลดลงเรื่อยๆ ประมาณ 0.7 เปอร์เซ็นต์ต่อปี
ระบบหายใจจะทำงานลดลง ประสิทธิภาพของปอดลดลง 8 เปอร์เซ็นต์ ทุกๆ 10 ปี
ระบบย่อยอาหารก็ทำงานลดลงเช่นกัน การหลั่งน้ำย่อยและความต้องการพลังงานลดลง หากยังรับประทานอาหารเช่นเดิมจะมีผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นเกิดภาวะอ้วนเกิน (obesity)
ระบบกล้ามเนื้อและกระดูก เมื่ออายุประมาณ 21 ปี กระดูกจะหยุดเจริญเติบโต จะไม่มีการพัฒนาด้านความสูงอีกต่อไป ส่วนกล้ามเนื้อจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด โดยเพศชายจะมีกล้ามเนื้อโตและแข็งแรงกว่าเพศหญิง
ระบบผิวหนังมีความยืดหยุ่นน้อยลง เริ่มมีรอยย่น ปรากฎเมื่ออายุได้ 30 ปี โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า คอ และมือ ผมจะเริ่มร่วงและเจริญเติบโตช้า เริ่มมีผมหงอก
ระบบประสาท เซลล์สมองจะมีวุฒิภาวะและมีน้ำหนักสูงสุดเมื่ออายุ 25 ปี หลังจากนั้นจะลดลง สมองมีน้ำหนักประมาณ 13.80 กรัม ดังนั้นในช่วงอายุ 20-30 ปี จึงเป็นวัยที่มีความสามารถในการจำ การระลึกได้ถึงประสบการณ์ที่ผ่านมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ระบบปัสสาวะและอวัยวะสืบพันธุ์ จะทำงานมีประสิทธิภาพสูงสุดเช่นเดียวกับระบบอื่นๆของร่างกาย ในเพศหญิงจะมีไข่สุกเพิ่มขึ้นเมื่ออายุ 18-24 ปี เพศชายจะมีการผลิตสเปิร์มที่สมบูรณ์ได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ระหว่างอายุ 20-39 ปี ไตจะมีขนาดโตที่สุดเมื่ออายุได้ 30 ปีโดยมีน้ำหนัก 270 กรัม และจะเริ่มลดขนาดลงช้าๆ
2. การเปลี่ยนแปลงพัฒนาการด้านร่างกายในวัยผู้ใหญ่กลางคน
การพัฒนาด้านร่างกายรูปร่างจะอ้วน น้ำหนักตัวเพิ่มมากขึ้น มีการสะสมของไขมันใต้ผิวหนังโดยเฉพาะบริเวณหน้าท้อง สะโพกเนื่องจากวัยนี้กิจกรรมที่ใช้พลังงานลดลง
สีผมจะเริ่มหงอกขาวเห็นชัดเจนเมื่ออายุ 50 ปีทั้งเพศชายและหญิง เนื่องจากสารเมลานิน (melanin) ที่สร้างจากรากผมมีจำนวนลดลง
ฟันจะหักและร่วงหลุด กระดูกเริ่มเปราะบางและหักง่ายเนื่องจากการสร้างกระดูกเกิดขึ้นน้อย
ผิวหนังบริเวณใบหน้าลำคอ แขนและมือเริ่มหยาบ และปรากฎรอยย่นได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผิวหนังแห้งเพราะต่อมรูขุมขนทำงานน้อยลง ผิวหนังบริเวณรอบตาจะปรากฎเป็นถุงและเป็นรอยคล้ำ กล้ามเนื้อบริเวณใต้คอ ใต้แขนและช่องท้องจะนุ่มไม่แข็งแรง
อวัยวะที่ทำหน้า ที่รับรู้และสัมผัส จะมีความเสื่อมเกิดขึ้น เช่น ตา เปลือกตาจะเหี่ยวย่น ดวงตาไม่สดใสเริ่มฝ้าฟาง เพราะเยื่อบุลูกตาและท่อน้ำตาเหี่ยว ทำให้ขาดน้ำเลี้ยงลูกตากล้ามเนื้อควบคุมรูปของดวงตาจะขาดความกระชับลงเป็นลำดับ มีการเปลี่ยนแปลงที่แก้วตา แก้วตาไม่สามารถจะยืดหดตัวได้เหมือนก่อนๆ จึงไม่สามารถมองเห็นในระยะใกล้ได้ชัดเจน ส่วนใหญ่จะสายตายาว หลังอายุ 40 ปี จะมองไม่ชัดในที่มืดเนื่องจากมีการลดขนาดของรูม่านตา จะมีปัญหาในการอ่านหนังสือและการขับรถในตอนกลางคืน อวัยวะเกี่ยวกับการได้ยิน คือ หู จะมีความเสื่อมของเซลล์ทำให้การทำงานของหูผิดปกติ การได้ยินเสียงแหลมจะเสียก่อน การได้กลิ่นจะเสื่อมลง
ปัญหาที่พบในวัยผู้ใหญ่
1. ปัญหาสุขภาพและพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพวัยผู้ใหญ่ด้านร่างกาย
- วัยหมดประจำเดือนหรือสตรีวัยทอง ( Menopause )
ปัญหาการมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
·         การรับประทานอาหารไม่เหมาะสม
·         การขาดการออกกำลังกาย
·         การพักผ่อนไม่เพียงพอ
ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการประกอบอาชีพ
·         โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางกายภาพ เช่น ความร้อน ความเย็น แสง เสียง การสั่นสะเทือน
·         โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางชีวภาพ เช่น โรคแอนแทรกซ์ โรคปอดชานอ้อย
·         โรคที่เกิดจากสิ่งคุกคามสุขภาพทางเคมี เช่น พิษจากตะกั่ว ปรอท แคดเมียม ฝุ่นแร่ใยหิน ฝุ่นซิลิกา  เบนซีน


เวลา


เวลา
สำรวจใจ
  เมื่อเราพูดถึงเวลาสำหรับชีวิตของเรา มีสิ่งหนึ่งที่มองข้ามไปไม่ได้ ก็คือ เรามีเวลาจำกัดเวลาที่เรามีนั้นมันมาและจากไป ไม่มีการหวนกลับ   ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เราต่างก็มีเวลาเท่ากัน เพราะพระเจ้าทรงกำหนดวันเดือนปี และประทานเวลาให้แก่เราแต่ละคนเท่ากันหมด
คิดถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดที่คุณได้ทำหรือจะทำในวันนี้ถ้าให้สิ่งนี้อยู่เคียงข้างกับสรรพสิ่งในโลกนี้ที่พระเจ้าได้ทรงสร้างมันทำให้คุณรู้สึกอย่างไร?
สำรวจพระธรรม
โมเสสเป็นผู้เขียนพระธรรมสดุดีบทนี้เราเห็นภาพโมเสสอธิษฐาน และนั่งจดบันทึกสดุดีบทนี้โดยเขาได้นำประสบการณ์ต่างๆที่ผ่านพบและสิ่งต่างๆที่เขาได้เห็นมาใส่ไว้ในคำบันทึกของเขานี้สดุดีบทนี้พูดถึงพระเจ้าและชายที่อยู่ตรงกันข้ามกับพระองค์
          โมเสสได้บรรยายถึงพระเจ้าว่าทรงเป็นที่อาศัยนิรันดร์(ข.1) เป็นภาพที่แสดงถึงความปลอดภัย เป็นบ้าน เป็นที่ๆเราอาศัยได้พระเจ้าทรงเป็นองค์นิรันดร์ที่มั่นคงถาวรเป็นนิตย์(ข.1,2)มันช่างตรงกันข้ามกับความรู้สึกของโมเสสที่มีต่อชีวิตที่มีอยู่ของเขาพี่น้องเราไม่ต่างอะไรกับโมเสส เราเป็นผงคลีดินและชีวิตของเราเป็นเหมือนละอองเล็กๆอยู่ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาลที่พระเจ้าได้ทรงสร้าง(ข.4-6) สำหรับโมเสสแล้ว เขารู้สึกว่าชีวิตนั้นต้องต่อสู้ดิ้นรนมากกว่าความชื่นชมยินดีเหมือนกับว่าพระเจ้าทรงพิโรธโกรธเขาอย่างนั้นแหละ(ข.7-11) แต่โมเสสรู้ว่าการกระทำของพระเจ้านั้นแท้จริงแล้วก็เพื่อจะนำมาซึ่งปัญญาหากบุตรทั้งหลายของพระองค์ไม่ปล่อยให้วันเวลาล่วงเลยไปโดยเปล่าประโยชน์และไม่มัวหลงทางอยู่(ข.12)โมเสสรู้ว่าในขณะที่ชีวิตเต็มไปด้วยความกระเสือกกระสนดิ้นรนที่อาศัยในพระเจ้าเท่านั้นจะเป็นที่ๆเราจะได้พักสงบ(ข.17)
          การเปรียบเทียบระหว่างพระเจ้าผู้เลิศประเสริฐกับสภาพที่อ่อนล้าของเราย่อมช่วยเราให้เห็นโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นหากปราศจากพระเจ้าแล้ว เราก็ไม่มีความหมายแต่อย่างใดวันเวลาของเราทั้งหลายบนโลกนี้  ก็จะผ่านเลยไปอย่างไร้ความหมาย


          สดุดี บทที่ 90 นั้น เป็นคำอธิษฐานของโมเสส คนของพระเจ้า   โมเสสได้นำชนชาติอิสราเอลออกจากประเทศอียิปต์ ข้ามทะเลแดง และเดินเตร่ในถิ่นทุรกันดาร ประมาณ 40ปีแล้ว   คนที่ออกมาจากประเทศอียิปต์นั้น ส่วนใหญ่ได้ล้มหายตายจากไปหมดแล้ว คนรุ่นใหม่กำลังเดินทางไปสู่แผ่นดินคานาอัน   โมเสสได้อธิษฐานเผื่อคนอิสราเอลรุ่นใหม่นี้   ในคำอธิษฐานของท่าน  โมเสสได้สรรเสริญเรื่องสภาวนิรันดร์ของพระเจ้า  ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าตั้งแต่นิรันดร์กาลถึงนิรันดร์กาลและท่านได้เปรียบเทียบชีวิตของมนุษย์ที่อนิจจัง
เวลามีจำกัด
          ชีวิตของมนุษย์ไม่ยั่งยืนยาวนาน  โมเสสได้บอกในข้อ 10 ว่า กำหนดปีของข้าพระองค์ คือเจ็ดสิบ หรือสุดแต่เรื่องกำลัง ก็ถึงแปดสิบ   ไม่มีใครอยู่ได้ถึงพันๆปี เหมือนในหนัง หรือนิทาน   ในสมัยโมเสสคนส่วนใหญ่อายุก็จะพอ ๆ กับสมัยเรา คือ 70-80    พระคัมภีร์กล่าวว่า มีข้อกำหนดสำหรับมนุษย์ไว้แล้วว่า จะตายครั้งเดียว และหลังจากนั้นก็จะมีการพิพากษา” (ฮีบรู 9.27)    เราควรบริหารเวลาของเราอย่างมีปัญญา เพราะอีกไม่นานเราทุกคนต้องจากโลกนี้ไปแน่นอน นี่เป็นข้อกำหนดสำหรับเรา
เวลาผ่านแล้วผ่านเลย
            สาเหตุอีกประการหนึ่งที่เราควรใช้เวลาอย่างมีปัญญา ก็คือ เวลาที่เรามีอยู่นั้นผ่านไปเรื่อยๆ ไม่หยุด และผ่านไปอย่างรวดเร็วมาก  เราได้ต้อนรับปีใหม่ไป แต่เดือนหนึ่งกำลังจะผ่านไป  มันไวมากจนจับไม่ทัน ดังสำนวนฝรั่งที่ว่า   You can’t step on the same water twice, because the flow that has passed will never pass you again.โดย เฉพาะยุคนี้ ที่เรียกกันว่า เป็นยุคข้อมูล หรือยุคอินเตอร์เน็ต ดูเหมือนเวลาแทบกลายเป็นเงินเป็นทองเสียจริง ๆ ผู้คนจำนวนมากต้องเดิน ต้องวิ่ง ต้อง พูด ทำทุกอย่างแบบไวไปหมด ทั้งการกินก็ต้องกินอย่างรวดเร็ว บางทีกินยังไม่ทันเสร็จก็ต้องขอตัวละจากไปแล้วเราทั้งหลายคงเห็นแล้วว่าวันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วว่องไว   ในสดุดี 90.4 กล่าวว่า เพราะ1000 ปีในสายพระเนตรของพระองค์เป็นเหมือนวานนี้ซึ่งผ่านไปแล้ว หรือเหมือนยามเดียวในกลางคืน  ข้อ 10 ตอนท้ายบอกว่า ไม่ช้าก็สูญไปและข้าพระองค์ก็จากไปข้อนี้น่าจะแปลได้อีกอย่างว่า เพราะกำหนดปีของข้าพระ องค์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและข้าพระองค์ทั้งหลายก็บินจากไปเพราะเหตุนี้ เราควรใช้เวลาอย่างมีปัญญา 
ถ้าเราจะบริหารเวลาอย่างมีปัญญา เราอย่าลืมว่าเวลานั้นมี วาระด้วยกันคือ อดีต ปัจจุบัน และอนาคต เราควรมีมุมมองที่ถูกต้องต่อเวลาของเราทั้ง อดีต ปัจจุบันและอนาคต
1.     มองย้อนไปในอดีต อย่าติด  อย่าลืม แต่จงขอบพระคุณ
อย่ายึดติด
ไม่ควรติดกับอดีต   โรคร้ายชนิดหนึ่งที่มนุษย์เราติดง่ายๆ ก็คือโรคอดีต  การยึดติดอดีตทำให้เรามีมุมมองที่ผิด ๆ ทำให้เราเห็นอะไรก็แย่ไปหมด ทำให้หดหู่ใจ  ท้อใจ โทษตัวเอง ว่า “ฉันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ หรือแบบนั้นเลย”  เสร็จแล้วเราก็โทษคนอื่นต่อ   เหมือนคนอิสราเอลที่บ่นว่าโมเสสที่เป็นผู้นำเขา เมื่ออยู่ในอียิปต์ยังดีกว่า  ถึงแม้ไม่มีอิสระและต้องทำงานหนักก็ตาม ยังมีน้ำและมีเนื้อกินใจและสายตาของเขาเหล่านั้นไม่ได้มองไปสู่ข้างหน้า แต่หาโอกาสที่จะหันกลับไปสู่อดีต  พระคัมภีร์บอกว่า อย่าว่า อะไรหนอเป็นเหตุให้กาลก่อนดีกว่ากาลบัดนี้ เพราะที่เจ้าไต่ถามนั้นไม่ได้ถามด้วยสติปัญญา” (ปัญญาจารย์ 7.10)
การยึดติดกับอดีตมักจะนำมาซึ่งการภูมิใจผิด ๆ กับอดีต  และละเลยที่จะรับผิดชอบอย่างดีต่อปัจจุบันเช่น  เมื่อก่อนนั้นฉัน ร้อนรน รับใช้ ไปนมัสการ เปิดบ้านอธิษฐาน ประกาศ เป็นพยาน อ่านพระคัมภีรทุกวัน ๆละ 10บท   เคยทำอย่างนั้น อย่างโน้น แต่ในช่วงนี้ยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาที่จะอ่านมันเลย  ความภูมิใจต่ออดีตเช่นนี้ ไม่มีประโยชน์อะไรต่อชีวิตคริสเตียนในปัจจุบันของเราเลย ชีวิตฝ่ายร่างกายของเรานั้นอยู่ได้ด้วยปัจจัย อากาศ ยา  อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย  ในทำนองเดียวกัน การเติบโตในชีวิตคริสเตียนนั้น  ทุก ๆ วัน ต้องมีการบำรุงเลี้ยงดู ถ้าหาไม่ เราทั้งหลายก็จะกลายเป็น คริสเตียนทารก  เชื่อกี่ปีก็ไม่โต คริสเตียนที่ขาดสารอาหาร คริสเตียนที่เจ็ปป่วยฝ่ายจิตใจ จิตวิญญาณ พิกล พิการ ในที่สุดก็กลายเป็นคริสเตียนที่หลงหายอยู่ในโบสถ์  หรือคริสเตียนที่หลงหายไป     อดีตเป็นเวลาที่ผ่านพ้นไปแล้ว
อย่าลืมอดีตที่เป็นบทเรียนอันมีค่าสำหรับชีวิตของเราในปัจจุบัน   โมเสสได้เตือนและหนุนใจคนรุ่นใหม่ว่า  จงระลึกถึงโบราณกาล  จงตรองถึงจำนวนปีที่ผ่านมาหลายชั่วอายุคนแล้วนั้น  จงถามบิดาของท่านแล้วเขาจะสำแดงให้ท่านทราบ  จงถามพวกผู้ใหญ่ของท่านแล้วเขาจะบอกท่าน...”(ฉธบ. 32.7)
เปาโลได้ทบทวนประวัติของคนอิสราเอล  ท่านกล่าวว่า เหตุการณ์เหล่านี้ได้บังเกิดแก่เขาเพื่อเป็นตัวอย่าง และได้บันทึกไว้เพื่อเตือนสติเราทั้งหลาย  อดีตเป็นเครื่องเตือนใจ  ไม่ให้ลูกหลานต้องซ้ำรอยประวัติศาสตร์ที่ชอกช้ำ เราเรียนวิชาประวัติศาสตร์ก็เพื่อจะได้ไม่ต้องมีแบบเรียนประวัติศาสตร์แง่ลบ เพิ่มขึ้นอีกเล่ม
จงขอบพระคุณพระเจ้า   เมื่อคิดถึงอดีต บางทีอาจจะมีบาดแผล บางทีอาจจะชื่นใจ ถึงแม้ว่า อดีตของเราจะเป็นอย่างไรก็ตาม เราเป็นอยู่อย่างที่เป็นอยู่ในวันนี้ได้ ก็โดยพระคุณของพระเจ้า ผ่านทางพระเยซูคริสต์ของเรา เราจึงควรขอบพระคุณพระเจ้า   โดยพระคุณพระเจ้า เราได้รู้จักพระเยซูคริสต์ มีชีวิตใหม่ในวันนี้มีมุมมองใหม่ความหวังใหม่ความฝันใหม่ในพระองค์     
2.      มองไปในอนาคตยินดีให้และฝัน (นิมิต)
ยินดี เวลาพรุ่งนี้นั้นเป็นเวลาที่ยังไม่มา  ยังไม่ได้เป็นเวลาของเรา   หลายครั้งเรากระวนกระวายในสิ่งต่างๆ ซึ่งยังไม่เกิดขึ้น   ยังไม่แน่ใจว่าจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่   และสิ่งที่กำลังกระวนกระวายนั้น จริงๆแล้ว ไม่ต้องกระวนกระวายก็ได้ เพราะอาจไม่เกิดขึ้นตามที่เราคิด 
พี่น้องปี 2010ของท่านผ่านไปด้วยเสียงถอนหายใจหรือว่าผ่านไปด้วยความชื่นชมยินดี  ?  ดังคำกล่าวของโมเสสที่ว่า “วันทั้งปวงของข้าพระองค์ทั้งหลายสิ้นไปใต้พระพิโรธของพระองค์กำหนดปีของข้าพระองค์สิ้นสุดลงอย่างเสียงถอนหายใจ” สดด.90:9
พระเยซูทรงตรัสว่า เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว” (มัทธิว 6.34)สดุดี 90 ข้อ14“ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายอิ่มในเวลาเช้าด้วยความเมตตาของพระองค์เพื่อข้าพระองค์ทั้งหลายจะได้เปรมปรีดิ์และยินดีตลอดวันเวลาของข้าพระองค์ข้อ 15 “ขอทรงให้ข้าพระองค์ทั้งหลายยินดีให้มากวันเท่ากับที่พระองค์ได้ทรงให้ข้าพระองค์ทุกข์ยากนั้นและให้มากปีเท่ากับที่ข้าพระองค์ได้ประสบการร้าย”
ให้เรายินดีในพระองค์
ตัวอย่างพระธรรมยากอบ 4:13-16…. ฟังให้ดีนะ  ท่านทั้งหลายที่พูดว่า พรุ่งนี้จะไปเมืองนั้น และอยู่ที่นั้นสักหนึ่งปี ค้าขายได้กำไร……….  แต่ท่านไม่รู้เรื่องพรุ่งนี้….ถ้าพระเจ้าทรงโปรด เราจะยังมีชีวิตอยู่  และจะทำสิ่งนี้สิ่งนั้น
จงมอบแผนงานให้พระเจ้า
ชีวิตของเขาในวันพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร เราจึงควรตระหนักถึงวันเวลาดังคำกล่าวของโมเสสที่ว่า  “ขอทรงสอนข้าพระองค์ทั้งหลายให้นับวันของตน  เพื่อข้าพระองค์จะมีใจสติปัญญา” สดด. 90:12
ตัวอย่าง ให้นับวัน  สำหรับข้าพเจ้าแล้ว ก็เหลืออีก 1,1666วันในโลก
พระคัมภีร์กล่าวว่ามนุษย์กะแผนงานแต่ผู้ที่ทำให้เป็นไปตามนั้น คือพระเจ้า ปีใหม่นี้ขอให้เรายอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเรา แล้วพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเราราบรื่น (สภษ. 3.6)    พระคัมภีร์ยังย้ำต่อไปว่า จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้”(สุภาษิต 16.3)  
จงมีนิมิต
ที่ใดๆ ที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติจะเป็นสุข” (สุภาษิต 29.18)   คำว่า การเผยธรรม นิมิต   นิมิต=ความหวัง ความฝันในอนาคต  ฉะนั้น ชนชาติที่ไม่มีนิมิตที่มาจากพระเจ้า ก็ไร้ความหวัง   เราจึงควรดำเนินชีวิตด้วยนิมิต และควรทำให้คนอื่นมีนิมิตด้วย
ตัวอย่าง     เมื่อประเทศเยอรมันปกครองประเทศโปแลนด์ คนชราคนหนึ่งได้จัดโต๊ะขายของที่ตลาดคนยิว แล้วร้องตะโกนด้วยเสียงดังว่า  เชิญมาดู กำลังขายของที่มีค่าสูง สุดในโลก  คนมากมายที่เดินผ่านตรงนั้น ชะเง้อมองดู แต่ไม่เห็นมีอะไรบนโต๊ะนั้นเลย  มีคนหนึ่งจึงถามชายชรานั้นว่า คุณลุงครับ คุณลุงบอกว่า ขายของที่มีค่าสูงสุดในโลกลุงขายอะไรครับ  ชายชรากระซิบที่ข้างหูเขาว่า น้องเอ๋ย ขายความหวัง  ถ้าชนชาติของเราสูญสิ้นความหวังนี้แล้ว อนาคตของเราจะเป็นอย่างไร ให้เรามายึดมั่นในพระเจ้าแห่งความหวัง พระเจ้าแห่งความฝันของเรากันเถอะ  ถึงแม้ว่าชนชาติอิสราเอลจะเป็นชนชาติเล็กมากมีศัตรูอยู่รอบด้านตกอยู่ในความยากลำบากหนักหนาสาหัสครั้งแล้วครั้งเล่า แต่พวกเขายังยึดมั่นในนิมิตความฝันที่พระเจ้าทรงประทานให้ พวกเขาจึงสามารถลุกขึ้นได้ครั้งแล้วครั้งเล่า  และสามารถยืนหยัดมาจวบจนทุกวันนี้
3.     มองปัจจุบัน ซื้อ (ฉวย)โอกาส  และขาย (ปล่อย)โอกาส
            จงฉวยโอกาส เพราะว่าทุกวันนี้ เป็นกาลที่ชั่ว” (เอเฟซัส 5.16)   คำว่า ฉวยโอกาส หมายถึง ซื้อโอกาสโดยจ่ายเงิน  เปาโลหนุนใจให้เราซื้อเวลา พูดอีกนัยหนึ่งว่า ใช้ทุกเวลาของเราให้ถูกต้อง  พระวจนะของพระเจ้ากล่าวว่า  “เพราะฉะนั้นคนที่รู้ว่าอะไรเป็นความดี  ที่ต้องทำแต่ไม่ได้ทำ  คนนั้นจึงมีบาป”ยก.:17
ซื้อ (ฉวย)โอกาสเพื่ออะไร ?
ทำสิ่งที่ถูกต้อง  ดีเยี่ยมในสายพระเนตรของพระเจ้า  เช่น
 1) นมัสการพระเจ้า เพราะพระเจ้าแสวงหา คนที่นมัสการพระองค์ด้วยจิตวิญญาณและความจริง(ยน. 4:23-24)
 2) อิ่มด้วยความรักมั่นคง  สดด. 90: 14เพราะความรักของพระเจ้าไม่มีวันสูญสิ้น เราจึงต้องรักพระเจ้าสุดใจ และรักคนอื่น=ตนเอง
    “เพราะธรรมบัญญัติหรือพระคัมภีร์ทั้งสิ้นนั้น  สรุปได้เป็นคำเดียว  คือ  จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง”  (กท :14)
 3) ช่วยดวงวิญญาณที่หลงหายให้รอด เพราะดวงวิญญาณนั้นมีค่าที่สุด ดังเช่นในมัทธิว 18 ที่กล่าวถึงเรื่องที่พระเยซูเรียกเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งมายืนท่ามกลางสาวก สอนพวกเขาเรื่องถ่อมใจ ถ้าเขาไม่รับเด็กเล็ก ๆ คนหนึ่งในนามพระเยซู พระองค์ก็ไม่รับเขาเหมือนกัน    ทำไมต้องช่วยดวงวิญญาณให้รอด“อย่างนั้นแหละพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์ไม่ทรงปรารถนาให้ผู้เล็กน้อยเหล่านี้สักคนหนึ่งพินาศไปเลย[มัทธิว18:14]
ตัวอย่าง           ปี 2009  ว่าจะไปเยี่ยมคุณพ่อของฟามฮิ้น
  วันที่  22  ตุลาคม 2010 กะว่าจะลงพิษณุโลกเยี่ยมไหนเฟย  แต่ข้าพเจ้าช้าเกินเพราะคืนที่ 21  เขา
ได้จากไปเสียแล้ว
ซื้อ (ฉวย)โอกาสได้อย่างไร ?
 1) ลำดับความสำคัญก่อนหลัง  ควรทำสิ่งสำคัญก่อนทำสิ่งเร่งด่วน 
 2) ตัดสินใจและลงมือทำทันที 
อย่าขายเวลา คือเลื่อนเวลาออกไป อย่าคิดว่าไว้มีเวลาว่างก่อนเพราะเราคงจะไม่มีโอกาสที่จะทำมันอีกเลย  เวลาผ่าน ทุกสิ่งเปลี่ยน, ความตั้งใจ การตัดสินใจก็เปลี่ยนตาม
 3) ใช้เศษเวลาที่เหลืออยู่อย่างมีปัญญา
 4) ขยัน  ความเกียจคล้านเป็นศัตรูยักษ์ต่อชีวิตคริสเตียน
             เราทุกคนมีเวลาเท่ากัน , แต่ 1วินาทีของแต่ละคนอาจจะต่างกัน
ตัวอย่าง เสือกินเหยื่อกับกระต่ายกินหญ้าภาพของทั้งสองเหมือนกันมั้ย  สำหรับเสือและสำหรับกระต่ายนั้น วินาทีเท่ากัน แต่คุณภาพไม่เหมือนกัน
ขาย (ปล่อย)โอกาส
      สิ่งที่ผิดต่อน้ำพระทัยของพระเจ้า พระองค์รับไม่ได้จงขายหรือปล่อยโอกาสนั้นไปแม้ในสายตาเราจะเห็นว่าดี เรามีสิทธิ์มีโอกาสที่จะเป็นที่จะได้มันมาก็ตาม หรือคนทั้งหลายเห็นว่าดี น่ายกย่อง ใคร ๆเขาก็เป็น  มี และทำกัน  ไม่เห็นเป็นไร  แต่พระเจ้ามองเห็นอย่างไร  พระเยซูตรัสว่า”วิบัติแก่โลกนี้ที่ทำให้มีการหลงผิดและพูดถึงให้ทำลายอวัยวะที่ทำให้หลงผิดเท้าผิดตัดทิ้งมือผิดตัดทิ้งตาผิดควักทิ้ง  (มท. 18:6-9)
สรุป
มีอะไรที่เกิดขึ้นกับท่านอยู่เวลานี้ที่ทำให้ท่านรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นผงคลีดิน? ก่อนที่ท่านจะก้าวต่อไปในปีนี้ให้ท่านขอบคุณพระเจ้าสำหรับการสถิตอยู่ของพระองค์อันเป็นที่อาศัยของท่านจงนำสถานการณ์ที่ท่านได้เผชิญมา กำลังเผชิญอยู่และที่ท่านจะต้องเผชิญกับมันต่อไปมาทูลต่อพระองค์และจงเชื่อวางใจในฤทธานุภาพสูงสุดของพระองค์

พระเจ้าทรงประทานเวลาแก่เราเท่ากันแต่คนที่บริหารเวลาอย่างมีปัญญาด้วยความยำเกรงพระเจ้า และอย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้นจะป็นที่พอพระทัยพระเจ้า
เราไม่ใช่เป็นเจ้าของเวลา แต่เป็นผู้รับมอบฉันทะภาระ   เจ้าของเวลา คือพระเยซูคริสต์ พระเยซูคริสต์ยังทรงเหมือนเดิมในเวลาวานนี้ และเวลาวันนี้ และสืบๆไปเป็นนิจกาล” (ฮีบรู 13.8)   ให้เราใช้เวลาตามน้ำพระทัยของพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของกาลเวลา

แผนผังการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับอับราฮัม


แผนผังการค้นพบทางโบราณคดีครั้งสำคัญๆซึ่งเกี่ยวข้องกับอับราฮัม
การค้นพบทางโบราณคดี
ความสำคัญ
1.            แผ่นจารึกมาริ
แผ่นที่จารึกอักษรคูนิฟอร์มมากกว่า 2000 แผ่น ซึ่งคำนวณเวลาได้ว่า อยู่ในช่วงอับราฮัม มีการอธิบายมากมายถึงธรรมเนียมต่าง ๆ ในพระธรรมปฐมกาล
2.            แผ่นจารึกเอบลา
มีแผ่นจารึก > 2000แผ่น หลายแผ่นจารึกเกี่ยวกับกฎหมาย ที่คล้ายกับในเฉลยธรรมบัญญัติ  5 เมืองในที่ราบ (ปฐก.14) นั้นเป็นเพียงนิยาย   ถูกระบุว่าเมืองเหล่านั้นมีอยู่จริง
3.            แผ่นจารึกนูซ
มีรายละเอียดธรรมเนียมใน  ศต.14+15 ซึ่งคู่ขนานกับเรื่องราวของอัครปิตาเช่น การมีบุตรผ่านทางหญิงรับใช้ถ้าหากนายหญิง เป็นหมัน
4.            แบลคสติล
5.            (Black Stele)
พิสูจน์ว่าการเขียนและกฎหมายที่เขียนขึ้นมีอยู่จริงสามศตวรรษก่อนที่จะมี กฎหมายของโมเสส(โมเซอิค ลอว์)
6.            กำแพงของวิหาร
7.            (แห่งคาร์นัคที่อียิปต์)
มีความสำคัญในการอ้างอิงถึง ศต.ที่10 (1000ปี) B.C. ถึงสมัยอับราฮัม
8.               กฎหมายอิชนุนนา(1950yrs. B.C.)
9.               กฎเกณฑ์ลิปิต-อิชทาร์ (1860yrs. B.C.)
10.    กฎหมายฮัมมูราบี(1700 yrs.B.C.)
แสดงถึงกฎหมายในหนังสือเบญจบรรณหาได้ซับซ้อนเกินไปสำหรับยุคนั้น
11.    แผ่นจารึกราส ชามรา
ให้ข้อมูลเกี่ยวกับบทประพันธ์ของชาวฮีบรู
12.    จดหมายลาชิช
กล่าวถึงการโจมตียูดาห์ของกษัตริย์เนบูคัสเนสซาร์ ทั้งมีแง่คิดเกี่ยวกับช่วงเวลาของเยเรมีย์
13.    ตราผนึกของเกดาลิยาห์
พาดพิงถึงเกดาลิยาห์ใน2พงกษัตริย์25:22
14.    กระบอกสูบของไซรัส           
ยืนยันถึงการที่พระคัมภีร์กล่าวถึง ฎีกาของไซรัสให้พวกยิวกลับไปสร้างพระวิหารขึ้นมาใหม่(ดู 2พงศาวดาร36:23 และ  เอสรา1:2-4)

15.    ก้อนหินแห่งโมอับ
อ้างถึงกษัตริย์องค์ที่หกคือ อมรี แห่งอาณาจักรอิสราเอล
16.    แบลค โอเบลิกส์ของชัมมาเนเสอร์ที่ 3
แสดงถึงวิธีที่เยฮู กษัตริย์อิสราเอลจำนนต่อกษัตริย์อัสซีเรีย
17.    เทย์เลอร์ ปริซึ่ม
เต็มด้วยข้อความชาวอัสซีเรียนเกี่ยวกับกษัตริย์เซนาเคอริบ โจมตีกรุงเยรูซาเล็มในสมัยเฮเซคียาห์ แห่งอิสราเอล

ข้อกล่าวหาในอดีต โดยการวิพากษ์
ตอบคำถามโดยทางโบราณคดี
1.            โมเสสไม่ได้เขียนพระธรรมเบญจบรรณ ท่านอยู่ก่อนที่จะมีการคิดค้นด้านการเขียน
การเขียนมีอยู่แล้วหลายศตวรรษก่อนสมัยโมเสส
2.       เมืองเออร์ของอับราฮัมไม่มีอยู่จริง
เมืองเออร์ถูกค้นพบ และพบเสากลมต้นหนึ่งจารึกว่าอับราม         (ชื่อเก่า ของอับราฮัม)

3.       ไม่มีการสร้างเมืองเพทราด้วยหินผาจริง
เมืองเพทราถูกค้นพบ
4.       เรื่องการพังทลายของกำแพงเยรีโคไม่มีจริง
เมืองนี้ถูกค้นพบและถูกนำออกมา มีการพบว่ากำแพงเมืองนั้นพังจากข้างนอกเข้าไป ตามที่กล่าวไว้ในพระคัมภีร์

5.       ชาวฮิตไทต์ไม่เคยมีอยู่เลย
ค้นพบการกล่าวหลายร้อยครั้งถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของชาว ฮิตไทต์  สามารถทำปริญญาเอกเกี่ยวกับฮิตไทต์ศึกษาได้ที่มหาวิทยาลัย แห่งชิคาโก
6.       ไม่มีกษัตริย์เบลชัชซาร์ของบาบิโลนอยู่จริง
แผ่นจารึกของบาบิโลเนีย กล่าวถึงการปกครองของผู้          ครอบครองร่วมท่านนี้กับ บุตรชายของนาโบนิดัส