Saturday, December 25, 2010

THE BEST HOUSE OF ALL TIME

THIS IS THE BEST HOUSE OF ALL TIME SINCE THE UINIVERSE BEGIN NO OTHER HAVE BEEN BETTER THAN THIS HOUSE OR WILL BE BETTER THAN THIS HOUSE
AVAILABLE NOW
FOR MORE INFO VISIT:
www.wandascountryhome.com/forsale/index.html

ของขวัญที่ดีที่สุด

ของขวัญที่ดีที่สุด
 
ไม่ต้องรอมอบให้กันในช่วงเทศกาล
เราสามารถมอบให้ผู้อื่นได้ตลอดปี
และเมื่อเรามอบของขวัญนี้แก่ผู้ให้แล้ว
ผลที่ได้รับ มีคุณค่ามากมายมหาศาล
 
ของขวัญจากการฟัง
จงตั้งใจฟังผู้อื่นให้มาก
อย่าขัดจังหวะการพูด หรือขัดคอคนอื่น
พูดให้น้อย ฟังให้มาก

ของขวัญจากภาษากาย
อย่าอายที่จะแสดงความรักแก่ครอบครัว หรือเพื่อนของคุณ
การแสดงออกเล็ก ๆ น้อย ๆ
ที่บอกให้พวกเขารู้ถึงความสนิทสนมที่คุณมีให้
จับมือ โอบไหล่ สวมกอด หอมแก้ม ฯลฯ
 
ของขวัญจากความเบิกบาน
แบ่งปันเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานให้คนรอบข้าง
มีเรื่องสนุก อย่าแอบหัวเราะคนเดียว

ของขวัญจากการเขียน
กระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือของคุณเอง
เช่น ฉันรักคุณจังเลย ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ
จะสร้างความรู้สึกดีๆ ให้กับคนอ่านได้ไม่น้อย
 
ของขวัญจากคำชม
ขึ้นชื่อว่ามนุษย์ ไม่ว่าใครก็อยากจะได้รับคำชม
เช่น ผมทรงนี้ดูดีจัง กับข้าวอร่อยมากเลยนะ
 
ของขวัญจากความมีน้ำใจ
ความจริงพวกเราทุกคนล้วนมีน้ำใจ
สภาพสังคมที่ต้องแก่งแย่งแข่งขันอยู่ตลอด
ทำให้น้ำใจของหลายคนเกิดอาการหลับใน
การแบ่งปันให้กัน จะทำให้โลกเราน่าอยู่ขึ้น
 
ของขวัญจากเวลาส่วนตัว
บางเวลาคนเราก็อาจอยากอยู่เงียบ ๆ ตามลำพัง
อย่าลืมเคารพสิทธิผู้อื่นด้วยปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว
เมื่อเขาต้องการ

ของขวัญจากการให้กำลังใจ
คนเรายามที่จิตใจท้อแท้ ก็เหมือนรถน้ำมันหมด
ช่วยเติมกำลังใจให้คนอื่นทุกครั้งที่มีโอกาส
ใจเย็น ๆ นะ เดี๋ยวก็มีทางแก้ ยากกว่านี้ เธอยังทำได้เลย
สักวันรถคุณเองก็อาจจะขาดน้ำมันเหมือนกันก็ได้
 
ของขวัญจากมธุรสวาจา
คำพูดดี ๆ ทำให้เกิดความประทับใจต่อกันได้ดี
อย่าลืมคำพื้นฐานอย่าง ขอบคุณ ขอโทษ
คุณอยากฟังคำพูดดี ๆ คนอื่นเขาก็เหมือนกัน
 
และที่สำคัญ
มันเป็นของขวัญที่มาจากใจโดยไม่ต้องลงทุนสักแดงเดียว

 

สามสิบอย่างที่ควรทำหรือไม่

 
1. เฝ้าดูดวงอาทิตย์ตกอย่างจริงจัง อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
2. อย่าดูถูกผู้อื่น
3. พูดคำว่า ขอบคุณ ให้มากๆ
4. มีชีวิตอยู่ภายใต้จุดมุ่งหมายของตนเอง
5. ปฏิบัติกับคนอื่นเช่นเดียวกับที่ตนอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับตน
6. บริจาคเลือดทุกปี
7. คบหาเพื่อนใหม่ และรำลึกถึงเพื่อนเก่าเสมอ
8. รักษาความลับให้เป็น
9. ยอมรับความผิดพลาดของตนเอง
10. จงแสดงความกล้าหาญ­ ถึงแม้ว่าตนจะไม่ใช่คนกล้าก็ตาม
11. ใช้บัตรเครดิตเพื่อความสะดวก มิใช่เพื่อการเป็นหนี้สิน
12. อย่าขี้โกง
13. อ่านหนังสือธรรมะอย่างจริงจัง ปีละ 1 ครั้ง
14. เรียนรู้ที่จะฟัง
15. อย่าสิ้นหวัง
16. อย่าสวดมนต์เพื่อขอสิ่งใดๆ นอกจากปั­­าและความกล้าหา­
17. อย่าแสดงอะไรออกมาเมื่อมีความโกรธ
18. มีบุคลิกที่ดี เดินเข้าไปในห้องทำงานอย่างมั่นใจ
19. อย่าถกเถียงธุรกิจภายในลิฟต์
20. จงตั้งใจแพ้ศึกเล็กๆ เพื่อเอาชนะศึกให­ญ่ๆ
21. อย่าคบกับบุคคลที่ไม่เคยสู­ญเสียสิ่งใดๆ เลย
22. อย่านินทาลับหลัง
23. เมื่อเผชิญ­หน้ากับงานหนัก จงปฏิบัติกับมันราวกับว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะล้มเหลว
24. อย่าคิดว่าชีวิตจะยุติธรรมเสมอไป
25. อย่าประเมินอำนาจของการให้อภัยต่ำเกินไป
26. อย่าผลัดวันประกันพรุ่ง
27. อย่ากลัวที่จะกล่าวว่า "ผมเสียใจ"
28. อย่ากลัวที่จะกล่าวว่า "ผมไม่รู้"
29. จงเขียนเรื่องราว 25 ประการ ที่อยากรู้ก่อนตายไว้ในกระเป๋าและนำมันติดตัวไปด้วยเสมอ
30. โทรศัพท์ถึงพ่อ-แม่

คุณเคยปล่อยเพชรให้ผ่านไปไหม หรือ เคยคว้าเศษฝุ่นไว้ไหม

เคยสงสัยไหมว่า ทำไมเรามักจะไม่ได้รู้จักกับคนที่เราอยากรู้จัก และคนที่เรารู้จัก มักจะไม่มีใครน่าสนใจ หรือไม่ก็ ไม่ใช่ สเป๊กเรา
เคยได้ยินเรื่องอยู่เรื่องหนึ่ง...
มีผู้ใหญ่ เขาเล่นกับเด็ก ผู้ใหญ่กำเหรียญอยู่ในมือ แล้วถามเด็กว่า อยากรู้ไหม ในมือของท่านมีอะไร ถ้าอยากรู้ให้เขกพื้น 5 ที
เด็กก็เขก แต่ผู้ใหญ่ก็ยังไม่ยอมบอก แล้วก็ถามอีกว่า อยากรู้จริงๆ ไหม ถ้าอยากรู้จริงๆ ให้เขกพื้นอีก 10 ที
เด็กก็เขกอีกด้วยความอยากรู้ คราวนี้ผู้ใหญ่แบมือให้ดู เด็กก็ได้พบว่าเป็นแค่ เหรียญธรรมดา เหรียญหนึ่ง เท่านั้น
ต่อมา ผู้ใหญ่กำมืออีก แล้วถามอีกเหมือนเดิมว่า อยากรู้ไหมว่ามือท่านมีอะไร
คราวนี้เด็กไม่สนใจ ไม่อยากรู้แล้ว
จริงๆก็คือ เมื่อเด็กได้รู้แล้วว่า ในมือผู้ใหญ่เป็นแค่เหรียญธรรมดาเท่านั้น ไม่มีอะไรพิเศษเลย เขาก็เลยไม่สนใจอีก
นี่แหละ คนเราก็เป็นแบบนี้ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มา ไขว่คว้าเพื่อให้ได้รับรู้ เมื่อเราได้รู้แล้วว่ามันคืออะไร มันเป็นยังไง เราก็ไม่สนใจมันอีก
ถามว่า เหรียญในมือเปลี่ยนไปไหม ค่ามันน้อยลงไหม....เปล่าเลย ค่าของมันเท่าเดิม ยังคงเป็นเหรียญๆเดิม ทั้งก่อนและหลังที่เราเห็น แต่ความรู้สึกของเราต่างหากล่ะ ที่เปลี่ยนไป
 
ก็เป็นเพราะความรู้สึกที่ เอื้อมไม่ถึง ไปไม่ถึง นั่นแหละ ที่ทำให้เรา เห็นคุณค่าของสิ่งที่อยู่ไกล ต่อเมื่อได้สิ่งนั้นมาแล้ว ได้รู้จักแล้ว เราก็ไม่รู้สึกเป็นพิเศษอีก …

บางคนที่เราแอบประทับใจ หรือแอบปลื้มมานาน พอได้รู้จักพูดคุยกันแค่ไม่กี่คำก็รู้แล้วว่าคนนี้ ไม่ใช่ คิดอะไรไม่เหมือนกัน มองกันคนละด้าน...
บรรดาคนของสังคม เป็นขวัญใจของคนมากมาย เพราะดูดี มีอารมณ์ขัน ทำให้ใครต่อใครพากันปลื้มจนออกนอกหน้า แต่หากได้มานั่งจับเข่าคุยกันแล้ว ถ้าเขาไม่ได้มีความคิดหรือความเป็นตัวของตัวเองที่โดดเด่น เขาก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง ความคิดก็เหมือนคนอื่นๆ ความรู้สึกประทับใจในตอนแรกก็กลายเป็นเฉยๆไป...
ในทางกลับกัน บางครั้ง กับคนที่เหมือน ไม่มีอะไรน่าสนใจ หน้าตาธรรมดา มีชีวิตอย่างเรียบง่าย แต่แค่ได้คุยกันครั้งเดียว กลับรู้สึกดี รู้สึกว่า คนนี้มีอะไรไม่ธรรมดา เริ่มรู้สึกว่าน่าสนใจ และอยากเจอเขาอีกเรื่อยๆ ......
ความดีในตัว ต่างหาก ที่ สำคัญ เมื่อได้เรียนรู้กันและกันแล้ว ความน่ารัก ความมีน้ำใจ ความเสียสละต่างหาก ที่จะทำให้ไม่รู้จักเบื่อ
สิ่งเหล่านี้ ต่างหาก ที่ทำให้อีกฝ่ายอยากค้นหา ติดตาม เห็นคุณค่า และไม่ยอมปล่อยให้หลุดมือไป ...ไม่ใช่เพียง รูปลักษณ์ภายนอก ที่เมื่อได้มาแล้วก็เท่านั้น เหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปลกใหม่ ไม่มีอะไรให้น่าที่จะรัก น่าที่จะค้นหาอีก …
 
ในความเป็นจริงแล้ว คนเราอาจจะได้เจอ สิ่งที่อยู่ในมือ ที่แตกต่างกันออกไป บางครั้ง เราอาจได้พบ เพชรแท้ และเรียนรู้ค่าซึ่งไม่มีวันสิ้นสุดของมัน หรืออาจได้เจอ เหรียญสลึง ที่ไม่มีคุณค่ามากมายให้ค้นหา หรือเจอเพียง มือ ที่กำความว่างเปล่าไว้ภายใน...
 
แต่ในบางครั้ง เราอาจจะพลาด ไม่รู้จักแม้คุณค่าของเพชรที่เราได้เห็น หรือเห็นว่า เหรียญสลึงในมือนั้นมีคุณค่าเกินกว่าที่มันเป็น …

ในชีวิตหนึ่งของคนเราสามารถ ปิ๊ง คนได้หลายคน   ประทับใจ ใครได้หลายหน แต่จะมีสักกี่คนที่ ใช่ ที่ ตรง กับเรา ไม่มีใครสามารถบอกได้ว่า ในชีวิตจะได้พบกับคนที่ " ใช่เลย" ไหม …
บางครั้ง เราอาจกำลังแอบปลื้มคนๆหนึ่ง ที่เราเพิ่งได้รู้จัก อยากคุยอยากเจอหน้าตลอดเวลา แต่พอเจอปัญหา มีเรื่องอยากเล่า เรากลับรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนที่เราต้องการ ...เรากลับเลือกที่จะคุยกับคนอีกคนที่เราสนิทมานาน เพราะความรู้สึกมันบอกเองว่า คนๆนี้แหละ ถึงจะเป็นคนที่เราสามารถ คุยได้ทุกเรื่อง เข้าใจเรา
เขา...ก็ยังคงเป็นเขาอย่างที่แล้วๆมา ไม่มีอะไรหวือหวา ทุกอย่างเป็นของมันอย่างนี้มานาน จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา จนไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เราต้องการจริงๆ …
 
แปลก … คนที่ใกล้ชิดกับเราที่สุด มักถูกมองข้ามไปเสมอ …

คุณเคยปล่อยเพชรให้ผ่านไปไหม …
หรือเคยคว้าเศษฝุ่นไว้ไหม

San Francisco Giants Stadium Victory


"When the people heard the sound of the horns, they shouted as loud as they could. Suddenly the walls of Jericho collapsed, and the Israelites charged straight
into the city from every side and captured it." Joshua 6:20 NLT
 
One Friday night 20,000 Chistian teens were in the San Francisco Giants stadium. When they heard the sound of the horns (with loud speakers at top volume) they shouted as loud as they could and jumped and pranced with joy and excitement. And I hoped and prayed that the stadium would not collapse from the strain!
 
 
At the event opening and again at the close one might have thought it was July 4th.There was a spectacular exhibition of flashing multi-colored lights, bursts of noise and smoke, giant air-filled streamers, beating of drums, and clapping and shouting youth. Speakers were dynamic, testimonies heart-wrenching, dramatic production fantastic. It was all so very worthwhile. And the clear message that came through to the teens was that you don't have to have sex and do drugs and alcohol to be cool!
 
"What's so offensive about teens finding hope in God and not in a bed, a bottle, or a pill?"said 18-year-old Charlotte Hamilton, one of the young organizers of the event. It was indeed as TIME magazine described it  a "Lollapalooza for the Lord." I pity the protestors who stood on the street near the main entrance holding a sign that read "Battle Cry leads to hell." Would that their eyes might be opened. Even city officials sought to soften the good influence of this event by imposing a new ordinance against using sound equipment before 10 AM and after 10 PM. But that just gave more good publicity. And the Teenmania event organizers cleverly arranged  for KFAX  local Christian Radio station to broadcast the 9 to 10 AM Sat. service. Thousands of participants took  their radios to sing, and clap, and shout for the Lord even before the amplifiers could be turned on.

WHEN I THINK OF YOU

I remember all the good times.
The laughter, the cries, the sorrow, and the smiles.
I remember how it used to be.
When I was there for you, and you were there for me.
I miss the times we once had.
When life was good and life was bad.
But through all the years
You've stood by me when times were tough.
You were there to give your help and love.
And now today I clearly see.
I need you and you need me.

กลอนสุขสันต์คริสตมาส


คริสตมาสมาแล้ว แว่วส่งเสียง
พรพร้อมเพรียง เรียงล้อมราย มากมายเหลือ
จากพระเจ้า ผู้ทรงรัก และจุนเจือ
มีเหลือเฟือ ยังพี่น้อง เพื่อนพ้องกัน
คือเป็นความยินดี และเปี่ยมสุข
คือความทุกข์ กลับกลาย เป็นสุขสันต์
เพราะรักแท้ ยิ่งใหญ่ จากทรงธรรม์
ทุกๆวัน มีแต่ดี มีพระพร.(สท.)
-in Christ
S. Thananta