“พระคุณที่ไม่อาจคิดได้”
(2 พงศ์กษัตริย์ บทที่ 7)
นานมาแล้วเมื่อ 2000 กว่าปีที่แล้ว มีเมืองหนึ่งชื่อว่า สะมาเรียซึ่งอยู่ในประเทศทางตะวันออกกลางคือประเทศอิสราเอลแล้วก็มีพระราชาองค์หนึ่งชื่อว่า เยโฮรัม และก็มีพระราชาองค์หนึ่งชื่อว่า เบนฮาดัดที่ 1 ยกทัพทั้งหมดมาจากเมืองดามัสกัส ประเทศทางตะวันออกของอิสราเอล มาล้อมทุกด้านจะโจมตีเมืองสะมาเรีย พอล้อมนานเข้า ๆ ก็เกิดการกันดารอาหารอย่างร้ายแรง หลายคนไม่มีอะไรจะกิน จนถึงขนาดที่พวกเขาจำเป็นต้อง กินขี้นกพิราบ กินหัวลาซึ่งเป็น สัตว์มลทิน
วันหนึ่งพระราชาดำเนินอยู่บนกำแพง มีหญิงคนหนึ่งร้องทูลว่า “ข้าแต่พระราชาเจ้านายของข้าพระบาท ช่วยด้วยเถิดเจ้าข้า” พระราชากล่าวอย่างกลัดกลุ้มพระทัยยิ่งนักว่า “ถ้าพระเจ้าไม่ทรงช่วยเจ้า แล้วเราจะช่วยเจ้าจากไหน จากลานนวดข้าวหรือบ่อย่ำองุ่น” (บทที่6 ข้อ28) หลังจากที่ระบายความกลัดกลุ้มใจออกมาแล้วจึงให้หญิงนั้นร้องทุกข์ นางเล่าว่า เพื่อนได้ชวนให้ตนต้มเนื้อลูกชายของตนกินโดยตกลงกันว่าวันรุ่งขึ้น จะกินเนื้อของลูกเพื่อน แต่เพื่อนไม่ทำตามสัญญา กลับเอาลูกไปซ่อนเสีย พระราชาได้ฟังก็ตรัสว่า “ ถ้าศีรษะเอลีชา ลูกชายนายชาฟัท ยังอยู่บนบ่าของเขาในวันนี้ ก็ขอให้พระเจ้าทรงลงโทษแก่เรา” พระราชาต้องการชีวิตของเอลีชาในวันนั้น พระองค์เสด็จตรงไปยังบ้านของเอลีชา พร้อมกับประกาศว่า “เหตุร้ายนี้มาจากพระเจ้า ทำไม ๆ ข้าจะต้องรอคอยพระเจ้าอีกเล่า “ พระราชาทรงลืมไปหรือไรว่าก่อนหน้า พระราชาเบนฮาดัด เคยส่ง นาอามาน วีรบุรุษ ขี้เรื้อน แม่ทัพเอก ไปให้พระองค์ช่วยรักษา พระองค์ต้องพึ่ง เอลีชา นาอามานจึงได้หายโรค (บทที่ 5) เอลีชาทูลตอบพระราชาว่าอย่างไร ?
ข้อ 1 แต่เอลิชาทูลว่า “พรุ่งนี้ประมาณเวลานี้ ยอดแป้งถังหนึ่งเขาจะขายกันหนึ่งเชเขล และข้าวบารลีสองถังเชเขลที่ประตูเมืองสะมาเรีย...” หลายคนกำลังรอคอยให้พระคุณการช่วยกู้ของพระเจ้ามาถึงพวกเขาเร็วๆ พวกเขาว้าวุ่นใจ กลัดกลุ้มใจ ไม่ว่าจะเป็นพระราชาหรือ คนรวย คนจน ยาจก คนขอทาน ต้องอดอยาก หิวโหย ไปตาม ๆ กัน เพราะอยากรู้ว่า สิ่งที่ท่านหวัง คิดในใจนั้น จะได้คำตอบสุดท้ายจากพระเจ้า เป็นคำตอบที่ท่านพอใจอิ่มใจ !
ข้อ 2 ได้กล่าวถึงนายทหารคนสนิทของพระราชาที่พูดกับเอลิชาว่า “สิ่งนี้จะเป็นขึ้นได้หรือ ที่ข้าวบารลีสองถังจะขายหนึ่งเชเขล ถ้าพระเจ้าไม่ทรงเปิดหน้าต่างแห่งฟ้าสวรรค์” เอลิชาตอบว่า “ไม่ว่าท่านจะเชื่อหรือไม่ สิ่งนี้ก็จะเกิดขึ้น”
พี่น้องที่รัก ท่านเชื่อหรือไม่ พระคุณของพระเจ้าจะมาถึงท่าน พระคุณของพระองค์นั้นยิ่งใหญ่และมหัศจรรย์ ไม่อาจคิดเข้าใจได้ อยู่เหนือความปรารถนาและความเข้าใจของเรา
ข้อ 3 สรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้า! มีคนโรคเรื้อน 4 คนปฏิเสธที่จะยอมตาย พวกเขาได้ลุกขึ้นแล้วพยายามหาทางรอด ขณะนี้หลายคนกำลังต่อสู้อยู่ในความทุกข์โศกของเขาวันแล้ววันเล่า น่าเวทนาเหลือเกินที่คนจำนวนมากเลือกที่จะตาย โดยไม่ปรารถนาทางออกให้กับชีวิตเลย จากการเก็บข้อมูลของกรมสุขภาพจิต พบว่า สถิติการฆ่าตัวตายของคนไทย โดยเฉลี่ยอยู่ที่ ประมาณ 5.77 คนต่อประชากร100,000คน หรือมีผู้ฆ่าตัวตายประมาณ 3,612 คนต่อปี และถ้าคิด เฉลี่ยต่อวัน พบว่าในแต่ละวันมีคนฆ่าตัวตายถึง 12 คน หรือเฉลี่ย 1 คนต่อทุก ๆ 2 ชั่วโมง น่าเสียดายที่พี่น้องเหล่านั้นไม่คิดหาทางออก ยอมแพ้ ยอมตายต่อปัญหา ยิ่งไปกว่านั้นบางคนที่ฆ่าตัวตาย เกิดมายังไม่เคยได้ยินได้ฟัง ข่าวดี คำตอบของชีวิตโดยทางพระคริสต์เลย !
ข้อ 4 อัศจรรย์แห่งการอัศจรรย์ คนโรคเรื้อนทั้งสี่นี้คิดหาทางออก พวกเขาพูดกันว่า “เราจะนั่งที่นี่จนตายทำไมเล่า ถ้าเราเข้าไปในเมือง เราก็อดตายเหมือนกัน ฉะนั้นจงมาเถิด ให้เราเข้าไปในค่ายของคนซีเรีย” เราเห็นด้วยกับการยอมจำนนของพวกเขาไหม ? แล้วการตัดสินใจหาทางออกของพวกเขาล่ะ ?
พี่น้องคริสเตียนหญิงคนหนึ่งในเซี่ยงไฮ้ได้เขียนจดหมายเล่าเรื่องคุณแม่ของเธอ ซึ่งอายุแค่ 30 กว่าๆ แต่มีลูก10 คนแล้ว ลูกทุกคนตายหมดยกเว้นเธอคนเดียว เธอเล่าว่า “แม่ของดิฉันเป็นพุทธศาสนิกชนที่เคร่งครัดมาก พระพุทธรูปบอกท่านว่าพวกบรรพบุรุษของท่านที่อยู่ในนรกต้องการใช้เงิน ดังนั้นพวกเขาจึงเอาชีวิตลูกๆ ของท่านไปนรก เพื่อเอาไปขาย ตอนนี้ หนทางเดียวที่ท่านจะรักษาลูกสาวที่เหลืออยู่คนเดียวนี้ได้ คือต้องนำเงินมาถวายให้กับปิศาจเหล่านั้น เมื่อแม่ถามว่าต้องใช้เงินเท่าไร คำตอบคือ 200 เหรียญ และท่านก็นำเงิน 200 เหรียญนั่นไปถวายจริงๆ แต่เมื่อท่านไปถามพระพุทธรูปอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้รับคำตอบว่า “บรรพบุรุษของเจ้ายังจนกรอบอยู่เลย ดังนั้น ในวันที่ 8 เดือน 9 พวกเขาจะมาเอาชีวิตลูกสาวเจ้าไปขายที่ในนรก” แม่ของดิฉันหวาดกลัวสุดชีวิต ท่านจึงไปที่โบสถ์และขอให้ศิษยาภิบาลอธิษฐานให้ท่าน สิ่งนี้ทำให้เราเกิดสันติสุขและไม่มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับฉันซึ่งเป็นลูกสาวของท่านเลย หลังจากนี้ ท่านก็เอาค้อนไปทุบพระพุทธรูปจนแตกเป็นชิ้นๆ”
พี่น้องที่รัก ซาตานได้กดขี่ผู้หญิงคนนี้อย่างมาก เธอได้นอกจากต่อสู้เพื่อหาทางออก ช่างน่ายินดีอะไรเช่นนี้! เธอได้พบทางออก
แต่น่าเสียดายที่ทุกวันนี้ มีผู้คนมากมายตกอยู่ในความเจ็บปวดและทุกข์ลำเค็ญในอำนาจของมารร้าย ตกอยู่ในบ่วงแร้วแห่งเนื้อหนัง ไม่ว่าจะเป็นละคร หนัง บุหรี่ การพนัน หรือปิศาจสุรา ยาเสพติด เพศ แฟชั่น เงินทอง เกียรติ ชื่อเสียง เกมส์ ทำไม่พวกเขาไม่ยอมหาทางออก ยังพอใจที่จะจมอยู่กับสิ่งเหล่านั้น
ข้อ 5 และ 6 4 สหายเรื้อน พบหนทางไปสู่ค่ายของคนซีเรีย แต่เมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น พวกเขาก็ไม่เห็นใครสักคนอยู่ในค่าย “โอ้นี่ไง ของกินมากมาย กายกอง!” สี่สหายต่างได้กินกันอย่างอิ่มหนำ แถมไม่พอ พวกเขาได้กินอย่างสบายใจ เพราะไม่มีทหารซีเรียแม้แต่คนเดียว มายืนถือดาบคอยคุม จะฆ่า ต่อสู้พวกเขาเลย...” พี่น้องที่รัก การงานของพระวิญญาณบริสุทธิ์ช่างเป็นเรื่องอัศจรรย์อะไรเช่นนี้ ถ้าคนหนึ่งเต็มใจที่จะอยู่ภายใต้การทรงนำของพระวิญญาณบริสุทธิ์เพื่อแสวงหาทางออก เขาก็จะพบหนทางที่น่าพิศวงรออยู่เบื้องหน้า และยังจะน่าพิศวงมากกว่านั้นอีก
ข้อ 7 - 8 สหายเรื้อนทั้ง 4 ต่างก็ตื่นเต้นได้เป็นเจ้าของทรัพย์สิน เนื่องจากกองทัพของคนซีเรียตกใจกลัว เพราะเสียงรถรบ….เสียงม้าที่ได้ยินเมื่อคืนก่อน จนต้องวิ่งหนีเอาชีวิตรอดกัน……… พระคุณของพระเจ้านั้นประทานให้แก่เราเปล่าๆ ดังนั้น โดยไม่มีอาวุธและไม่ต้องยกแม้เพียงนิ้วเดียวขึ้นมาต่อสู้ คนโรคเรื้อนเหล่านั้นก็มีของกินมากมาย มีเหลือเฟือ จนไม่สามารถขนเอาไปได้ นี่แหละพระคุณที่ไม่สิ้นสุด ไม่อาจคิดได้ของพระเจ้า
เราเคยฝันว่า เก็บเงินได้จำนวนมากไหม เราหยิบเงินขึ้นมาทุกเหรียญ แต่พอเราตื่น เราก็ไม่มีเงินสักเหรียญอยู่ในมือเลย นั่นเป็นธรรมชาติของความฝัน แต่พระคุณของพระเจ้าไม่ใช่ความว่างเปล่าไร้สาระเช่นนั้น ไม่ใช่ความฝัน พระคุณของพระเจ้าเป็นสิ่งจริงแท้ สิ่งนี้ท้าทายการนับพระคุณของเรา พระคุณของพระเจ้าไม่เพียงแต่สร้างความพึงพอใจแก่ท้องที่ร้องด้วยความหิวของคนโรคเรื้อน สิ่งนี้ยังไม่เพียงพอ...
ข้อ 9 ข้อนี้มีค่าที่สุด 4 สหายเรื้อนนั้นเมื่อได้กินจนพอใจแล้ว ก็คิดถึงเพื่อนร่วมชาติที่หิวโหยอยู่ พวกเขาจึงตกลงกันว่า “ถ้าเรานิ่งอยู่และคอยจนแสงอรุณขึ้นโทษจะตกอยู่กับเรา เพราะฉะนั้นมาเถิด ให้เราเข้าไปในวังบอกข่าวดีนี้” พี่น้องที่รัก พวกเรากี่คนที่กำลังฝังของประทานของตน เช่นพวกเราไม่เคยออกไปบอกข่าวดีคนอื่นเลย...ซ้อนพระกิตติคุณ! เปาโลบอกว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าไม่เทศนาพระกิตติคุณ” พี่น้องมีผู้คนมากมายไม่มีอะไรจะกิน ขณะที่เราทั้งหลายอิ่มหนำสำราญ โลกเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่กำลังอดตายอยู่นับไม่ถ้วน พวกเขาไม่เคยได้ลิ้มรสพระคุณของพระเจ้าเลย พี่น้องที่รัก “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าไม่เทศนาพระกิตติคุณ”
4 สหายเรื้อนได้ประกาศข่าวดี พวกเขาได้เป็นพยานอย่างแข็งขัน เพราะวิบัติจะมาถึงพวกเขาถ้าพวกเขาไม่ประกาศข่าวดีนั้น พี่น้องที่รัก ให้เราประกาศข่าวดีของพระเจ้ากันเถิด
ข้อ 10 และ 11 ตอนนี้พวกเขากำลังออกเดินทางไปพระราชวัง พวกเขาบอกนายประตูเมือง และนายประตูเมืองก็เชื่อเพราะเขาเห็นพวกเขาทั้งสี่ได้กินอาหารอิ่มหนำ ผู้คนเชื่อพวกเขาเพราะพวกเขาได้กินอาหารมาจนอิ่ม
มีคริสเตียนจำนวนมากที่ไม่เคยบังเกิดใหม่เลย แต่กลับประกาศเรื่อง “ความรอดผ่านการบังเกิดใหม่” น่าเสียดายจริงๆ! ทำไมทุกวันนี้คริสตจักรจึงเคลื่อนที่ไปอย่างเชื่องช้า เพราะว่าในโบสถ์มีแต่คริสเตียนในนาม คริสเตียนตามพ่อตามแม่ เป็นหลานของพระเจ้า ไม่ได้เป็นลูกของพระเจ้า คนเหล่านั้นไม่เคยเดินทางไปพบพระเจ้าด้วยตนเอง ไม่เคยได้รับความอิ่มใจ ในชีวิต พวกเขายังหิวโหยอยู่ ไม่มีใครอยากฟังหรือเชื่อในสิ่งที่เขาพูด สี่สหายเรื้อน กำลังทำให้นายประตูเมืองเชื่อ เราล่ะ เราสามารถพูดได้ไหมว่า “ฉันได้ไปโบสถ์มา ได้กินอาหารฝ่ายวิญญาณจนอิ่มเลย” พี่น้องที่รักท่านจะท้าชวนพวกเพื่อนๆ ให้มาสัมผัสกับพระเจ้า ถ้าท่านได้สัมผัสกับพระองค์ก่อน
ข้อ 12 นายประตูเมืองกล่าวว่า “ให้ข้าไปทูลพระราชา” เมื่อพระราชาทรงตื่นจากบรรทมตอนกลางดึก พระองค์ก็ทรงมีอคติ ตรัสว่า “บางทีคนซีเรียอาจออกไปซ่อนตัวอยู่นอกค่ายที่กลางทุ่งคิดว่า ‘เมื่อเขาออกมาจากในเมืองเราจะจับเขาทั้งเป็น’” พระราชาไม่เชื่อว่า พระเจ้าสามารถเปิดประตูแห่งพระคุณได้
ข้อ 13 และ 14 บางคนได้ทูลพระราชาว่า “อย่าทรงมีอคติเลยพระเจ้าค่ะ ให้เราส่งคนห้าคนไปดู” เมื่อทั้ง 5 คนกลับมาแล้ว พวกเขาก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า “ศัตรูได้ถอยทัพไปแล้ว! ตลอดทางมีเสื้อผ้าและเครื่องใช้ซึ่งคนซีเรียทิ้งเมื่อเขารีบหนีไป” พี่น้องที่รัก เมื่อมนุษย์ต่อต้านท่าน อย่าเพิ่งท้อใจ ถ้าพระเจ้าทรงอยู่ฝ่ายท่าน ทุกปัญหาไม่เร็วก็ช้าจะได้รับการแก้ไข
ข้อ 16 และ 17 ประตูแห่งพระคุณของพระเจ้าก็เปิดออก! ทุกคนออกไป! ไม่มีความจำเป็นต้องเชื้อเชิญหรือบังคับ พวกเขาถลันออกไปสุดความสามารถ ทุกคนกำลังจะตายเพราะความหิว และทุกคนก็ดิ้นรนเพื่อหาอาหาร ถ้าสิ่งที่เราประกาศคือพระกิตติคุณ ผู้คนก็จะมาฟัง ถ้าสิ่งที่เรากล่าวคือความจริง เราก็ไม่ต้องวิตกถึงปัญหา อุปสรรคต่าง ๆ พระเจ้าเองจะทรงเปิดประตูอย่างกว้างขวางให้เรา ชีวิตของคริสเตียนในฐานะผู้รับใช้ของพระเจ้าจำเป็นต้องมีประสบการณ์เดินผ่านประตูที่เปิดออกของพระเจ้าเอง ไม่ใช่ฟังเขาว่ามา ตื่นเต้นกับประสบการณ์ของคนอื่น ทุก ๆ อาทิตย์กลับจากโบสถ์พร้อมด้วยคำพยาน ตัวอย่างคำเทศน์ ที่ตื่นเต้นมากของคนอื่น จำอะไรไม่ได้นอกจาก ตัวอย่างคำเทศน์ที่ตื่นเต้น ส่วนนักเทศน์ก็เหมือนกัน เตรียมเทศน์แต่ละครั้งก็ต้องเสียเวลามากมายเพื่อหาตัวอย่างดี ๆ ตื่นเต้น เร้าใจ กลายเป็นว่า นักเทศน์เครียด เหนื่อย วุ่นวายนักหนากับการเตรียมอาหารฝ่ายวิญญาณสำหรับพี่น้องในวันอาทิตย์ มีแต่อาหารกระป๋อง มีแต่อาหารเก่าเน่าแล้วของคนอื่น เราพยายามจะเอามากิน เลี้ยงดูจิตวิญญาณของเรา สรุปปรากฎคนเตรียมอาหารไม่เคยลิ้มลองรสชาดอาหารนั้นด้วยตนเอง นักเทศน์มากมายจึงอยู่ในสภาพหิวโซ น้ำลายไหล เพราะมัวแต่นั่งจ้องคนอื่นเขาได้กินอย่างอร่อย ส่วนสมาชิกก็ตื่นเต้นกับนักเทศน์ตลกคาเฟ่ ได้แต่ฟังเมนูอาหารอร่อย ๆ ได้แต่เห็นคนอื่นเขากินเอากิน แต่ตัวเองไม่เคยได้กิน ข้าวบารลีสองถังจะขายกันหนึ่งเชเขล” จริงหรือ ใช่แน่หรือ พระคุณของพระเจ้านั้นไม่อาจคิดได้
ข้อ 18 พระคำของพระเจ้าเป็นความจริงใช่ไหม แน่นอนที่สุด ใครก็ตามที่ไม่เชื่อก็กลายเป็นหินสะดุด แต่คนเช่นนั้นก็จะถูกเหยียบจนตาย! ถ้าเราเทศนาพระคำอย่างถูกต้อง แน่นอนที่ซาตานต้องพ่ายแพ้ ตอนนี้พวกเราบังเกิดใหม่แล้ว ได้รับพระพรแล้ว ถ้าเราไม่ประกาศพระกิตติคุณ วิบัติก็จะตามมา!ผู้คนมากมายหลายพันยังคงอยู่ในการยึดกุมของซาตาน ขอให้เรากล่าวด้วยกันว่า “วิบัติจงเกิดแก่ข้าพเจ้า ถ้าข้าพเจ้าไม่ประกาศพระกิตติคุณ”
พี่น้องที่รัก เราได้รับอาหารฝ่ายวิญญาณจนอิ่มแล้ว วิบัติจะเกิดแก่เรา ถ้าเราไม่ประกาศข่าวดีนี้