คานาอัน คือ อะไร ความหมาย แปลว่าอะไร
What is CANAAN ?
ดินแดนคานาอันคือประเทศปาเลสไตน์ ในปัจจุบัน มีอาณาเขตทางด้านตะวันตกจดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทางตะวันออกจดแม่น้ำจอร์แดน ทางเหนือจดเทือกเขาเลบานอน และทางใต้จดทะเลทรายซีนาย เป็นดินแดนที่ทอดไปในแนวเหนือใต้ขนานกับฝั่งทะเลเมดิเตอร์เนียน ชายฝั่งทะเลเป็นที่ราบแคบ ๆ ซึ่งค่อย ๆ ลาดชันขึ้นเป็นที่ราบเชิงเขาเรียกว่า เนินเชเฟลาห์ ถัดเข้าไปเป็นเทือกเขาตอนกลาง ถัดจากเขตภูเขามาทางตะวันออกมีหุบเขาลึก เรียกว่า อาราบาห์ ทางตอนเหนือของหุบเขานี้ มีแม่น้ำจอร์แดน ไหลผ่าน (รายละเอียดเกี่ยวกับสัตว์ในดินแดนคานาอัน พืช ภูมิอากาศ และการกสิกรรม ดูในหัวข้อ เกษตรกรรม สัตว์ นก ดอกไม้ ต้นไม้ อากาศ อาหาร)
ที่ราบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน
ที่ราบชายฝั่งทะเลของปาเลสไตน์จากเมืองฟินีเซีย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือ ทอดลงมาทางใต้จนถึงเมืองกาซา นับเป็นระยะทางประมาณ 200 กิโลเมตร ที่ราบที่เมืองฟินีเซียเป็นที่ราบแคบมาก เนื่องจากมีเทือกเขาเลบานอนอยู่ใกล้ชายฝั่ง (ดู ฟินีเซีย และ เลบานอน) แต่ถัดมาทางใต้ที่ราบค่อย ๆ กว้างขึ้นจนถึงภูเขาคารเมลซึ่งเป็นเทือกเขาที่จดทะเลขวางอยู่
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเทือกเขา คารเมลไปจนถึงเมืองยิสเรเอลเป็นที่ราบรูปสามเหลี่ยม ชื่อเอสเดรโลน มีแม่น้ำคีโชนไหลผ่านจากยิสเรเอล ซึ่งทอดไปทางตะวันออกจนถึงเมืองเบธชานใกล้แม่น้ำจอร์แดน ดินแดนแถบนี้ (ทั้งที่ราบเอสเดรโลนและหุบเขายิสเรเอล) บางครั้งเรียกรวมกันว่า หุบเขายิสเรเอล ซึ่งมีความสำคัญมากในประวัติศาสตร์ของอิสราเอล เมืองที่สำคัญในแถบนี้ได้แก่ โยกเนอัม เมกิดโด อิบเลอัม ชูเนม และเบธชาน
ทางเหนือของหุบเขามีภูเขาโมราห์ (มีภูเขาทาโบร์อยู่ถัดภูเขาโมราห์ไปทางเหนืออีกทีหนึ่ง) ส่วนทางใต้ของหุบเขาเป็นภูเขากิลโบอาห์ สาเหตุหนึ่งที่ทำให้หุบเขานี้เป็นสนามรบที่สำคัญ ๆ หลายครั้งของอิสราเอลอาจจะเป็นเพราะเป็นจุดที่ทางหลวงสายเหนือ-ใต้ (สายซีเรีย- ฟิลิสเตีย) บรรจบกับทางหลวงสายตะวันออก-ตะวันตก (สายเบธชาน-ภูเขาคารเมล) เมืองเมกิดโดซึ่งเป็นจุดบรรจบของทางหลวงสองสาย ถือว่าเป็นด่านทางตะวันตกของที่ราบเอสเดรโลน เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ (ยชว. 17:11; วนฉ. 4:6; 5:19-21; 6:33; 7:1; 8:18; 1 ซมอ. 28:4; 31:1; 8, 12; 1 พกษ. 4:12; 2 พกษ. 9:16, 27, 30; 23:29; ฮชย. 1:5; ศดย. 12:11)
ทางใต้ของภูเขาคารเมลเป็นที่ราบเล็ก ๆ ชื่อ โดร์ (ยชว. 17:11; 1 พศด. 7:29) ถัดจากที่ราบโดร์ลงไปทางใต้เป็นที่ราบกว้างใหญ่ขึ้นคือ ที่ราบชาโรน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นบึงเป็นหนอง มีทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์และป่าไม้บ้างในสมัยพระคัมภีร์เดิม แถบนี้มีประชากรเบาบาง (1 พศด. 27:29; พซม. 2:1; อสย. 35:2) ทางใต้ของภูเขาคารเมลเป็นชายทะะเลเขตน้ำตื้นมีสันดอนทราย จึงไม่มีอ่าวจอดเรือที่ดี มีแต่ยัฟฟาซึ่งมีอ่าวเป็นเมืองท่าทางทะเลเมดิเตอร์เรเนียนเพียงแห่งเดียว เมืองอื่น ๆ ในแถบนี้ได้แก่ โอโน และลด (ต่อมาเรียกว่า ลุดดา) (2 พศด. 2:16; อสร. 3:7; นหม. 11:35; ยน. 1:3; กจ. 9:35, 36, 38; 10:5-8)
ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่เมืองท่าที่สำคัญคือ ซีซารียา ซึ่งกษัตริย์เฮโรดมหาราช ได้สร้างขึ้น พร้อมกับสร้างอ่าวจอดเรือขึ้นด้วย ต่อมาได้กลายเป็นศูนย์กลางการปกครอง และเป็นเมืองท่าสำคัญของโรมันในแคว้นยูเดีย (กจ. 18:22; 25:1-6)
จากยัฟฟาลงมาทางใต้ถึงกาซา เป็นที่ราบฟิลิสเตีย เมืองสำคัญมี 5 เมืองคือเอโครน อัชโดด อัชเคโลน กาซา และกัท ที่ราบและเนินเขาเตี้ย ๆ แถบนี้เหมาะสำหรับการกสิกรรม แต่แถบใต้อากาศแห้งแล้ง และพื้นดินไม่ค่อยอุดมสมบูรณ์ รายละเอียดของดินแดนแถบนี้ดูใน ฟิลิสเตีย
เนินเชเฟลาห์
แถบเนินเขาเตี้ย ๆ ระหว่างที่ราบชายฝั่งทะเลกับเทือกเขาสูงดอนกลางเรียกว่า เชเฟลาห์ (ฉธบ. 1:7; ยชว. 9:1; 10:40; 12:8; ยรม. 17:26; อบด. 19) เชเฟลาห์ประกอบด้วยภูเขาและหุบเขาหลายแห่ง มีธารน้ำไหลเชี่ยวมาจากภูเขา ทำให้มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์เหมาะสำหรับปลูกผลไม้และะเลี้ยงสัตว์ (1 พกษ. 10:27; 1 พศด. 27:28; 2 พศด. 26:10)
หุบเขาบางแห่งในเชเฟลาห์เป็นทางเดียวที่เชื่อมระหว่างที่ราบชายฝั่งกับแถบภูเขาสูงตอนกลาง ดังนั้นบริเวณนี้จึงกลายเป็นบริเวณทำสงครามไปหลายครั้ง หุบเขาที่สำคัญมากได้แก่หุบเขาอัยยาโลน ซึ่งเป็นทางสายสำคัญจากที่ราบฝั่งทะเลผ่านเมืองเกเซอร์ และเบธโฮโรน ไปถึงเมืองสำคัญ ๆ ทางที่ราบสูงตอนกลาง (ยชว. 10 :11, 12; 16:3 ดูหัวข้อ “แถบภูเขาตอนกลาง” ด้วย) ทางใต้ของหุบเขาอัยยาโลนคือหุบเขาเอลาห์ซึ่งผ่านเมืองลิบนาห์ (ยชว. 10:29-31; 1 ซมอ. 17:2; 2พกษ. 19:8) ทางใต้ถัดไปอีกมีหุบเขาแห่งหนึ่งผ่านลาคีช (2 พกษ.18:13-17) นอกจากนี้ก็มีหุบเขาโสเรกและหุบเขาเศฟาธาห์ซึ่งมีความสำคัญรองลงมา (วนฉ.16:4; 2พศด. 14:10)
แถบภูเขาตอนกลาง
ดินแดนแถบนี้ทางตะวันตกจดที่เนินเชเฟลาห์ และทางด้านตะวันออกจดหุบเขาจอร์แดนและอาราบาห์ เทือกเขาตอนกลางนี้แบ่งเป็น 3 ช่วงคือ เหนือ กลาง ใต้ โดยมีลุ่มแม่น้ำสำคัญ 2 แห่งเป็นเครื่องแบ่งเขต
ช่วงเหนือประกอบด้วยภูเขาของแคว้นกาลิลี มีหุบเขายิสเรเอลและที่ราบเอสเดรโลนกั้นแบ่งออกจากเทือกเขาช่วงกลางเนินเขาทางเหนือเหล่านี้รวมทั้งหุบเขาและที่ราบใกล้เคียง เดิมเป็นส่วนหนึ่งที่ดินแดนเผ่าดาน นัฟทาลี อิสสาคาร์ เศบูลูน และอาเชอร์ (ยชว. 20:7;อสย. 9:1) ภูเขาของกาลิลีทางเหนือสูงชัน เป็นป่าทึบและมีประชากรไม่มาก เมืองสำคัญทางตอนเหนือก็คือ ฮาโซร์ เดิมเป็นเมืองป้อมซึ่งชาวคานาอันใช้เป็นที่มั่น ต่อมากลายเป็นเมืองป้อมสำคัญทางเหนือของอิสราเอลเช่นเดียวกัน (วนฉ. 4:2; 1 พกษ. 9:15) ลงไปทางใต้หน่อยภูเขาเตี้ยกว่า เหมาะสำหรับการกสิกรรมและมีประชากรหนาแน่น ในแถบใต้ของภูเขากาลิลีนี้เองที่พระเยซูคริสต์เติบโตขึ้น (ดู นาซาเร็ธ) แถบนี้เองที่พระองค์ทรงใช้เวลา 3 ปีครึ่งประกาศสั่งสอนแก่ประชาชน เมืองต่าง ๆ ในแถบภูเขากาลิลีคือ นาซาเร็ธ คานา และนาอิน (มธ. 21:11; ลก. 2:39; 4:16; 7:11; ยน. 2:1-11; 4:46; 21:2) เมืองอื่นในแถบกาลิลีดู หัวข้อ “ตอนเหนือของแม่น้ำจอร์แดนและทะเลกาลิลี”
ตอนกลางของภูเขาแถบนี้ประกอบด้วยภูเขาของแคว้นสะมาเรียตั้งแต่หุบเขายิสเรเอลถึงลุ่มแม่น้ำในเขตของเมืองเชเคม ภูเขาแถบนี้ไม่สูงเท่าภูเขาในแถบตอนเหนือ ยกเว้นภูเขาเอบาลและภูเขาเกริซิม ซึ่งสูงเด่นอยู่คนละด้านของหุบเขาเชเคม (ฉธบ. 27:12, 13; วนฉ. 9:7) เมืองทีรซาห์ ซึ่งระยะหนึ่งเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรอิสราเอลในภาคเหนือก็อยู่แถบนี้ (1 พกษ. 14:17; 15:21; 33; 16:6-8; 15:19) สะมาเรียซึ่งเป็นเมืองหลวงต่อจากทีรซาห์ จนกระทั่งอาณาจักรเหนือล่มก็อยู่ในแถบนี้ด้วย สะมาเรียตั้งอยู่บนเนินเขาเหนือดินแดนโดยรอบ นับว่ามีทำเลเหมาะที่จะเป็นเมืองหลวง ศัตรูจะเข้าจู่โจมโดยตรงนั้นแทบจะไม่มีทางชนะ ทางเดียวที่เมืองนี้จะแตกก็โดยการล้อมไว้นาน ๆ (1 พกษ. 16:23-24; 20:1; 2 พกษ. 6:24; 17:5) ขึ้นไปทางเหนือของสะมาเรียเป็นที่ราบเล็ก ๆ ชื่อโดธาน ซึ่งเป็นทางอีกทางหนึ่งจากหุบเขายิสเรเอลถึงชายฝั่ง (ปฐก. 37:17; 28; 2พกษ. 6:13)
ทางตอนใต้ของแถบเทือกเขานี้ประกอบด้วยภูเขาในเผ่าเอฟราอิม เบนยามิน และยูดาห์ ภูเขาแถบนี้สูงกว่าแถบสะมาเรีย และทอดไปทางใต้จนถึงแกบ แล้วค่อย ๆ แบนราบลงเป็นที่ราบสูง ในเขตเนินเขาเอฟราอิมเป็นเขตป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เป็นหุบเขาลึกซึ่งนับว่าเป็นปราการต่อต้านการโจมตีอย่างดี โดยเฉพาะในสมัยที่โยชูวาได้ตีเอาดินแดนต่าง ๆ ในคานาอัน และพยายามรักษาดินแดนต่าง ๆ ที่เพิ่งเข้าครอบครองไว้ (ยชว. 17:17-18; วนฉ. 5:14; 7:24; 12:15)
ทางตะวันตกหุบเขาอัยยาโลนเป็นทางลงผ่านเนินเชเฟลาห์ไปสู่ที่ราบชายฝั่งทะเลซึ่งเป็นที่อาศัยของชาวฟิลิสเตีย เมืองสำคัญตามทางนี้ได้แก่ เบธโฮโรน และเกเซอร์ หุบเขานี้กลายเป็นสนามรบระหว่างชาวอิสราเอล และศัตรูที่จะขึ้นมาโจมตี อิสราเอลจึงสร้างป้อมปราการไว้ตามทางนี้หลายแห่ง (ยชว. 10:9-12; 16:3; 1 ซมอ. 13:17; 18; 14:31; 1 พกษ. 9:16-17; 2 พศด.8:5; 11:10; 25:13; 28:18) อีกด้านหนึ่งของแถบเขาสูง มีหุบเขาเป็นทางมุ่งไปยังตะวันออกคือ จากเบธเอลผ่านเมืองอัย และมิคมาชถึงเมืองเยรีโค ซึ่งอยู่บนที่ราบกว้างใหญ่ของหุบเขาจอร์แดน (ยชว. 16:1, 2; 18:11-13; 1 ซมอ. 13:2-5; 23; 14:1-5; ลก. 10:30)
ดินแดนแถบนี้เป็นแถบที่มีประชากรหนาแน่นที่สุดแห่งหนึ่งของดินแดนคานาอัน เมืองหลายเมืองเป็นที่รู้จักกันดี จากเรื่องราวในพระคัมภีร์เช่น ชิโลห์ มิสปาห์ รามาห์ กิเบโอน กิเบอาห์ คีริยาทเยอาริม เบธเชเมช เอมมาอู เยรูซาเล็ม เบธฟายี และเบธานี (ยชว. 9:13, 17; 18:25-28; 1 ซมอ. 6:12; 7:15-17; 14:1-3; 17:12; มธ. 2:1; มก. 11:1; ลก. 24:13 ) สำหรับรายละเอียดเรื่องเยรูซาเล็ม ดูหัวข้อ เยรูซาเล็ม
ถัดจากทางใต้ของเมืองเหล่านี้เป็นเขตที่มีคนอาศัยอยู่น้อย ปริมาณน้ำฝนน้อยกว่าและแผ่นดินก็ไม่อุดมสมบูรณ์นัก มีเฮโบรนเป็นเมืองสำคัญ เฮโบรนนี้อยู่ครึ่งทางระหว่างเยรูซาเล็มกับเบอร์เชบา เป็นเมืองที่อยู่บนเส้นทางจากเยรูซาเล็มถึงอียิปต์ ทางอีกสายหนึ่งออกจากเฮโบรนไปทางตะวันตกผ่านเมืองสำคัญเมืองหนึ่งชื่อลาคีช ถึงเมืองกาซามาบรรจบกับเส้นทางที่มุ่งไปอียิปต์ตามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เฮโบรนและลาคีชมีความสำคัญทางยุทธศาสตร์จึงมีป้อมปราการแข็งแรง (2 พศด. 11:5-12) ในถิ่นทุรกันดารนี้เองที่ดาวิดหนีมาใช้หลบภัยจากซาอูล เมืองที่กล่าวถึงในเรื่องนี้ก็มีอดุลลัม เคอีลาห์ ป่าศิฟเอนเกดี มาโอน และศิกลาก (1 ซมอ. 22:1; 23:13-15; 29; 24:1-2; 25:2; 27:6-10)
เนเกบ
เนเกบตามศัพท์แปลว่าแห้งแล้ง เป็นชื่อ ของดินแดนที่แล้งแล้งตอนใต้ของปาเลสไตน์ ระหว่างทะเลตายกับทะเลทรายซีนาย เมืองสำคัญ ของเนเกบคือเบเออร์เชบาในภาคเหนือและคาเดชบารเนียในภาคใต้ ตอนกลางของเนเกบมีถิ่นทุรกันดารศิน ด้านตะวันตกมีถิ่นทุรกันดารชูร์ ส่วนทางใต้มีถิ่นทุรกันดารปาราน (ปฐก. 20:1; อพย. 15:22; กดว. 10:12; 13:26; 20:1; 23:8; 33:35-37; 34:4)
ในสมัยพระคัมภีร์เดิม ส่วนใหญ่ของเนเกบโดยเฉพาะทางเหนือมีพวกเผ่ายูดาห์อาศัยอยู่ บริเวณนี้เหมาะสำหรับเลี้ยงสัตว์และเพาะปลูก ส่วนที่ราบชายฝั่งทะเลเป็นของฟิลิสเตีย นอกจากนี้ก็มีเผ่าชนพื้นเมืองต่าง ๆ เข้าครอบครองดินแดนส่วนอื่นแล้วแต่ยุคใดสมัยใด (ปฐก. 20:1; 26:1; กดว. 13:29; 1 ซมอ. 27:10; 30:14) ปัญหาเรื่องน้ำเป็นปัญหาของดินแดนที่แห้งแล้งแถบนี้เสมอมา (ปฐก. 16:7; 26:17-23; ยชว. 15:19)
มีเส้นทางสองสายเชื่อมระหว่างอียิปต์กับคานาอัน สายหนึ่งชื่อ “ทางแผ่นดินของชาวฟิลิสเตีย” ซึ่งขนานไปกับชายฝั่งทะเล (อพย. 13:17) และอีกสายหนึ่งชื่อ “ทางถิ่นทุรกันดารชูร์” ซึ่งผ่านเนเกบ (ปฐก. 16:7) เส้นทางหลังนี้ตัดผ่านเบเออร์เชบา เฮโบรน เยรูซาเล็ม ชีโลห์ และเชเคม เป็นทางที่มีคนสัญจรไปมามากตั้งแต่สมัยของอับราฮัม เป็นทางที่คนสอดแนมของชาวอิสราเอลสิบสองคน เดินทางเข้าไปในแผ่นดินคานาอัน (ปฐก. 20:1; 21:25-34; กดว. 13:21-23) เมื่อโยเซฟพานางมารีย์และพระกุมารหนีจากเงื้อมมือของเฮโรด ก็อาจใช้เส้นทางนี้ (มธ. 2:13-15)
เส้นทางสายนี้ทอดตัวไปในแนวทิศเหนือทิศใต้ และตัดกับเส้นทางสายตะวันออก ตะวันตกซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองกาซากับประเทศเอโดม สองสายนี้ตัดกันที่เมืองเบเออร์เชบาไปทางตะวันออก ผ่านหุบเขาเกลือและถิ่นทุรกันดารศินไปถึงเอโดม มีชื่อว่า “ทางถิ่นทุรกันดารของเอโดม” (2 ซมอ. 8:13; 2 พกษ. 3:8; 14:7)
ตอนเหนือของแม่น้ำจอร์แดนและทะเลกาลิลี
ต้นทางแม่น้ำจอร์แดนอยู่ที่ภูเขาเฮอร์โมนในเทือกเขาเลบานอน ไหลลงไปทางใต้ ผ่านดินแดนที่แต่ก่อนรกร้างโดดเดี่ยวมาก ซึ่งต่อมาเผ่าดานได้เข้าไปโจมตีและยึดมาเป็นของตน ในสมัยพระคัมภีร์เดิมเมืองอิช ซึ่งต่อมาเผ่าดานเปลี่ยนชื่อเป็นเมืองดานนับว่าเป็นเมืองทางเหนือสุดของอิสราเอล (วนฉ. 18:27-29; 1 ซมอ. 3:20; 1 พกษ. 12:29) เท่าที่พระคัมภีร์ใหม่บันทึกไว้ เมืองเหนือสุดที่พระเยซูเคยเสด็จไปถึงคือเมืองซีซารียาฟิลิปปี ซึ่งเป็นเมืองในแถบนี้ (มธ. 16:13)
ทางใต้เขตเผ่าดานแม่น้ำจอร์แดนไหลผ่านทะเลสาบเล็ก ๆ แล้วไหลต่อไปสู่ทะเลสาบใหญ่ ซึ่งพระคัมภีร์เดิมเรียกว่า ทะเลคินนเรท และในพระคัมภีร์ใหม่เรียกว่าทะเลกาลิลี ทะเลสาบเยนเนซาเรท หรือทะเลทิเบเรียส (กดว. 34:11; มธ. 15:29; ลก.5:1; ยน. 6:1) บนภูเขารอบ ๆ ทะเลกาลิลี โดยเฉพาะภูเขาแถบตะวันตกเฉียงเหนือนี้เองที่พระเยซูมักจะขึ้นไปอธิษฐานและสั่งสอนพวกสาวก (มธ. 5:1; 14:23; 15:29; 28:16)
ทะเลกาลิลีนั้นอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 200 เมตร และมีปลาชุกชุมมาก (มธ. 4:18; ลก. 5:1-9; ยน. 21:1-8) บริเวณชายฝั่งทะเลสาบจึงมีประชากรค่อนข้างหนาแน่น เป็นที่ที่พระเยซูทรงเทศนาสั่งสอนประชาชนบ่อยครั้ง บนฝั่งทางทิศเหนือของทะเลสาบนี้มีเมืองซึ่งชาวยิวอยู่เป็นจำนวนมากชื่อ คาเปอรนาอุม และเบธซาอิดา เบธไซดา ดูเหมือนว่า พระเยซูจะให้เมืองคาเปอรนาอุมเป็นศูนย์กลางในการประกอบพระราชกิจของพระองค์ในภาคเหนือ ส่วนเมืองโคราซินเป็นเมืองที่อยู่ในเทือกเขาหลังคาเปอรนาอุม พระเยซูเคยเสด็จไปเหมือนกัน (มธ. 4:13; 11:21-23; มก. 6:45; ยน. 6:17)
บนฝั่งตะวันตกของทะเลสาบกาลิลีเป็นที่ราบเยเนซาเรท มีบางเมืองที่คนต่างชาติ (คนที่ไม่ใช่ชาวยิว) อาศัยอยู่ เช่นเมืองทเบเรียสและเมืองมักดาลา (มธ. 15:39; มก. 6:53; ยน.6:23) ทางตะวันออกของทะเลสาบเป็นเขตที่มีพลเมืองไม่มาก เรียกว่ากาดาราเป็นแถบที่หน้าผาชายฝั่งทะเลสูงชัน แต่มีบางตอนที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูก ประชาชนส่วนใหญ่เป็นคนต่างชาติ บางพวกก็เลี้ยงหมู ชาวเมืองเขตนี้เรียกว่า ชาวกาดารา ตามชื่อตำบล หรือชาวเกราซาตามชื่อแขวงซึ่งตำบลกาดาราตั้งอยู่ (มธ. 8:28; มก. 5:1; 11-14) ถัดจากนั้นไปทางทิศเหนือและทิศใต้เป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ที่อุดมสมบูรณ์เรียกว่า บาชาน (ดูรายละเอียดที่ บาชาน)
หุบเขาจอร์แดนและทะเลตาย
จากทะเลกาลีลี แม่น้ำจอร์แดนไหลผ่านหุบเขาลึกลงสู่ทะเลตาย ซึ่งอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล 400 เมตร หุบเขาทางตอนใต้ของทะเลกาลิลีเป็นที่ดินดีเหมาะสำหรับการเพาะปลูก พื้นที่ต่อไปค่อย ๆ กันดารขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงทะเลตายมีสภาพดีกว่าทะเลทรายเพียงเล็กน้อย (มก. 1:4-5; 9-13)
การข้ามแม่น้ำจอร์แดนเป็นไปได้ยากจะข้ามไปเฉพาะบางตอนที่มีทางข้ามตามธรรมชาติเท่านั้น (ยชว. 2:7; วนฉ. 3:28; 7:24; 12:5; 2 ซมอ. 19:15, 18 ) สองฝั่งแม่น้ำมักจะเป็นป่าทึบ หน้าผาสูงชันมีหุบเขาอยู่ถัดไป (ยรม. 12:5; 49:19; ศดย. 11:3) หน้าผาเหล่านี้ถล่มพังลงเป็นครั้งคราวและกักน้ำไว้ ซึ่งอาจจะมีเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นเมื่อตอนที่โยชูวาพาพวกอิสราเอลข้ามแม่น้ำนี้ (ยชว. 3:14-17)
มีแม่น้ำหลายสายไหลมาบรรจบกับแม่น้ำจอร์แดนในช่วงระหว่างทะเลกาลิลีและทะเลตาย ที่เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดคือ แม่น้ำยามุกกับแม่น้ำยับบอก อีกสายหนึ่งที่สำคัญรองลงมาคือลำธารเครีท (ฉธบ. 3:16; 1 พกษ. 17:3) แถบนี้อุดมสมบูรณ์ทำให้มีเมืองเกิดขึ้นสองเมืองคือ สุคคท และเปนูเอล มีทางข้ามแม่น้ำจอร์แดนอยู่ไม่ไกลนัก และต่อมาจึงมีการสร้างป้อมปราการที่เมืองเปนูเอล (ปฐก. 32:22, 31; 33:17; วนฉ. 8:8, 16,17; 1พกษ.12:25) ในบริเวณนี้มีดินเหนียวซึ่งใช้เป็นแบบพิมพ์ของทองสัมฤทธิ์มาทับถมอยู่ (1 พกษ. 7:46) ทางตะวันตกของจอร์แดน มีเมืองกาลิลีและเมืองเยรีโค (ยชว. 4:19) ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับทางตะวันออกของจอร์แดนดูที่หัวข้อ อัมโมน กิเลอาด และ บาชาน
ทะเลตายมีอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลเค็มเพราะมีเกลือและสารเคมีอยู่ในน้ำเป็นปริมาณมาก (ยชว. 15:5; 18:19) ไม่มีปลาอยู่ในทะเลนี้ และบนฝั่งโดยรอบก็ไม่มีพืชพันธุ์งอกอยู่เลย เว้นแต่ตรงที่มีน้ำจืดจากแม่น้ำไหลลงสู่ทะเลทางตะวันออก ทางตะวันตกไม่มีแม่น้ำ แต่ทำการเพาะปลูกได้บ้างในบริเวณที่มีย่อน้ำพุ เป็นน้ำจืด เช่นที่เมืองเอนกาดี (พซม. 1:14) เชื่อกันว่าเมืองโสโดมและเมืองโกโมราห์อยู่ทางตอนใต้ของทะเลตาย ต่อมามีปรากฏการณ์แผ่นดินไหว ทำให้ทะเลขยายไปทางใต้และครอบคลุมซากเมืองโบราณที่อาจจะเหลืออยู่บ้าง (ปฐก. 19:24-28)
อาราบาห์
ถัดจากที่ราบสูงตอนกลางเป็นหุบเขาลึกจากทะเลคินเนเรท (ทะเลกาลิลี) ขนานไปกับแม่น้ำจอร์แดนจนถึงทะเลตาย (ทะเลเค็ม) และเรื่อยไปทางใต้จนถึงเมืองเอซีโอนเกเบอร์ ซึ่งอยู่บนอ่าวอากาบาห์ (บนฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือ ของทะเลแดง) หุบเขา บริเวณตอนเหนือของทะเลตาย รู้จักกันโดยทั่วไปว่าหุบเขาจอร์แดน ส่วนหุบเขาทางตอนใต้ของทะเลตายเรียกว่า อาราบาห์ (แต่บางครั้งก็เรียกหุบเขาทั้งตอนเหนือและใต้ว่า อาราบาห์ เหมือนกัน) ทะเลตายเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ทะเลอาราบาห์ ลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำจอร์แดนตรงปากแม่น้ำสู้ทะเลตายเรียกว่า ลำธารอาราบาห์ เดิมคำว่าอาราบาห์ เป็นคำในภาษาฮีบรู มีความหมายว่าไหม้ หรือเหือดแห้ง ใช้บรรยายดินแดนที่รกร้าง ซึ่งแห้งแล้งหรือกึ่งทะเลทราย นับว่าเป็นชื่อที่เหมาะสม กับหุบเขากันดารทางตอนใต้ของทะเลตาย (ฉธบ. 1:1; 2:8; 3:17; 4:48-49; ยชว. 3:16; 11:12; 12:3; อมส. 6:14)
มีทางสายหนึ่งที่เรียกว่าทางหลวงขึ้นจากเอซีโอนเกเบอร์ไปตามที่ราบสูงทางตะวันออกของอาราบาห์ ผ่านเอโดมและโมอับ เข้าไปในซีเรีย อิสราเอลภายใต้การนำของโมเสสตั้งใจจะเดินทางตามทางหลวงนี้เข้าสู่คานาอัน แต่เอโดมและโมอับไม่ยอม อิสราเอลจึงต้องอ้อมชายแดนของประเทศเหล่านั้นไป (กดว. 20:14-21; 21:10-13; 21-16; วนฉ. 11:15-24)
อาราบาห์มีแหล่งแร่เหล็กและทองแดงอุดมสมบูรณ์มาก (ฉธบ. 8:9) สินแร่เหล่านี้ถูกขุดนำไปหลอมตามที่ต่าง ๆ ในหุบเขาแล้วลำเลียงไปตามทางหลวง (ทางอาราบาห์ ดู ฉธบ. 2:8) ไปถึงเตาถลุงขนาดใหญ่ที่เอซีโอนเกเบอร์ แล้งลงเรือมุ่งไปทางตะวันออกต่อไป
ประวัติศาสตร์
คนพื้นเมืองของแผ่นดินคานาอัน ส่วนมากสืบเชื้อสายมาจากฮาม ซึ่งเป็นบุตรโนอาห์เขาเรียกชื่อแผ่นดินคานาอันตามชื่อบุตรคนหนึ่งในพวกนี้ (ปฐก. 10:6) คำว่าชาวอาโมไรต์ กับคำว่าชาวคานาอันใช้แทนกันได้ (ปฐก. 10:15-16; 12:5-7; 15:18; ยชว. 5:12; 14:1; 24:15, 18; ดู อาโมไรต์ เพิ่มเติม) เรื่องคนพื้นเมืองเผ่าอื่น ๆ ในคานาอัน ดู เปริสซี เยบุส เรฟาอิม อามาเลข ฮิตไทต์ ฮีไวต์
ประวัติศาสตร์ของคานาอันในสมัยดึกดำบรรพ์ (หมายถึงสมัยก่อนที่โยชูวานำพวกอิสราเอลเข้าคานาอันในสมัยก่อน ค.ศ. 1240) ก็เป็นประวัติศาสตร์ของชาวพื้นเมืองที่กล่าวถึงเหล่านี้ ส่วนประวัติหลังจากชัยชนะของโยชูวา ได้อธิบายไว้แล้ว โปรดดู อิสราเอล ในสมัยพระคัมภีร์ใหม่ได้แบ่งเขตการปกครอง เป็นสามภาคใหญ่ คือ ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ ดู กาลิลี สะมาเรีย ยูเดีย
No comments:
Post a Comment