Friday, March 27, 2020

เหตุการณ์ 7 วันสุดท้ายของพระเยซู


เหตุการณ์  7  วันสุดท้ายของพระเยซู

เสด็จเข้ากรุงเยรูซาเล็มอย่างผู้พิชิต(วันอาทิตย์ )(มธ 21.1-11,มก 11.1-11,ลก 19.29-44,ยน 12.12-19)
-ต้นปาล์มหรืออินทผาลัมคือสัญลักษณ์ความสง่างาม ผู้ชอบธรรม (สดด 92.12-14) ความยินดี ชัยชนะ
-    พระเยซูทรงใช้สาวก 2 คนไปนำลูกลามาให้พระองค์ และทรงลูกลาเข้าเยรูซาเล็ม
-    พระองค์เสด็จไปพักที่เบธานีในคืนวันอาทิตย์
เหตุการณ์ที่เป็นหมายสำคัญ (วันจันทร์)
-    เช้าวันจันทร์ พระองค์กับสาวกเดินทางเข้ายังเยรูซาเล็มอีก
-    ทรงสาปต้นมะเดื่อ (มธ 21.18-19, มก 11.12-14) เปรียบกับอิสราเอลซึ่งดูเหมือนจะเกิดผล
** ทำไมพระเยซูไปหาผลมะเดื่อ หาใช่ฤดูของมัน  (ปกติมักมีมะเดื่อดิบเล็กๆรสหวานที่เรียกว่า ทากซ์จะออกก่อนที่ใบมะเดื่อจะผลิ และผลทากซ์ยังแสดงว่ามะเดื่อต้นนั้นจะมีผลแน่)
-    ทรงชำระพระวิหารครั้งที่ 2 (มธ 21.12-13, มก 11.15, ลก 19.45-48) ผู้นำศาสนาขาดผลประโยชน์
วันที่งานยุ่ง (วันอังคาร) พระเยซูทรงสอนในพระวิหารและบนภูเขามะกอกเทศ
-          ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้ง (มธ 21.19-22, มก 11.20-26)   เปโตรอัศจรรย์ใจที่ต้นมะเดื่อเหี่ยวแห้งไป
-          ปัญหาเรื่องสิทธิอำนาจของพระเยซู (มธ 21.23-27, มก 11.27-33, ลก 20.1-8)
-   การทรงชำระพระวิหารทำให้ผู้นำศาสนาไม่พอใจ จึงทูลถามว่า   พระองค์มีอำนาจใดที่มาทำเช่นนี้
-    พระเยซูไม่ตอบ แต่ถามกลับว่า ยอห์นมีอำนาจให้บัพติศมาจากพระเจ้าหรือมนุษย์ พวกเขาไม่กล้าตอบ พระเยซูจึงไม่ตอบคำถามพวกเขาเช่นกัน
-          คำอุปมาที่เป็นคำเตือนแก่พวกเขา 3 เรื่อง (มธ 21.28-34, มก 12.1-12, ลก 20.9-19)
-    บุตร 2 คน = พวกเขาเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก, ดูเหมือนเชื่อฟัง แต่ไม่จริงใจ
-    คนเช่าสวนองุ่นชั่วร้าย = พวกเขาเป็นคนต่อต้านพระเจ้า มีภาพเล็งถึงพระเยซู
·    การเลี้ยงในพิธีอภิเษกมเหสี
-          ปัญหา 3 เรื่องที่พวกเขาเอามาทดสอบเพื่อจับผิด (มธ 22.15-40, มก 12.13-34, ลก 20.20-40)
-    การเสียส่วยให้แก่ซีซาร์ (สิ่งใดควรแก่ใครก็ให้แก่ผู้นั้น รม 13.7)
-    การคืนชีพ (กายที่เป็นขึ้นเป็นกายใหม่ และมีสภาวะแบบใหม่)
-  พระบัญญัติข้อใหญ่ (ทรงสรุป 10 ประการเหลือ 2 ประการ คือ ท่าทีที่ถูกต้องต่อพระเจ้าและมนุษย์)
-    เงินถวายของหญิงม่าย (มก 12.41-44, ลก 21.1-4)
-     ตามกฎหมายยิวแล้ว การถวายเหรียญทองแดงถือว่าเป็นเงินถวายที่มีค่าน้อยที่สุด
-     แต่หญิงคนนี้ถวายหมดทั้งตัว ไม่ใช่ส่วนที่เหลือใช้
-     พระเจ้าทอดพระเนตรไม่เหมือนมนุษย์ ( 1 ซมอ 16.7)
-     คำตรัสที่ภูเขามะกอกเทศ (มธ 24-25, มก 13.1-17, ลก 21.5-36)
-     สาวกทูลถามถึงหมายสำคัญของการเสด็จมา มีอะไรบ้างเป็นสัญญาณบอก
-     คำเปรียบ 3 เรื่อง
1.      ต้นมะเดื่อ หมายถึง  อิสราเอล เป็นตารางเวลาบอกเหตุ
2.      โนอาห์ การที่จะมาโดยไม่รู้ตัว
3.      ขโมยจะมาในยามวิกาล เราต้องเฝ้าระวังอยู่เสมอ
-     คำอุปมา 4 เรื่อง
1.      ทาสผู้ไม่ซื่อสัตย์ (ความรับผิดชอบต่อหน้าที่)
2.      พรหมจารีย์ 10 คน (การเฝ้ารอคอย การดำเนินชีวิตอย่างพร้อมเสมอ)
3.      เงินตะลันต์ (การรับใช้ตามของประทานให้เกิดผล)
4.      แพะกับแกะ (การพิพากษาในอนาคตระหว่างผู้รับใช้แท้และเทียม)
-          ยูดาสแอบพบผู้นำศาสนา (มธ 26.14-16, มก 14.10-11, ลก 22.3-6)
-    ผู้นำศาสนาถือว่าสาวกใกล้ชิด 12 คนก็เป็นศัตรูด้วย แต่เมื่อยูดาสอาสาจะพาไปจับพระเยซู พวกนั้นก็เชื่อว่าพระเจ้าทรงตอบคำอธิษฐานของเขา
-     ซาตานดลใจเพราะยูดาสเปิดทางให้ เพราะเขารักเงินทอง เคยขโมย (ยน 12.6)
ช่วงพักสงบตลอดวันพุธ และ พฤหัสบดี ทรงอยู่ลำพังที่เนินเขาเบธานี เตรียมสู่ช่วงพันธกิจสุดท้าย
      5. คืนวันพฤหัสบดี (วันศุกร์ของชาวยิวเริ่ม 6 โมงเย็นของวันพฤหัสบดี)
-          การเตรียมอาหารมื้อสุดท้าย (มธ 26.17-20, มก 14.12-17, ลก 22.7-30)
-     พระเยซูทรงกำหนดสถานที่ทานเลี้ยงไว้แล้ว
-     ผู้หญิง,เด็กมักจะแบกเหยือกน้ำ ไม่ใช่ผู้ชาย จึงง่ายที่สาวกที่จะหาพบ  เปโตรกับยอห์นเตรียมงาน
-     เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานขอพรพระเจ้า รำลึกถึงพิธีปัสกาจากหนังสืออพยพ และร้องเพลงสดุดี 113 และ 114
-     สิ่งที่รับประทานกัน : เนื้อลูกแกะ ซึ่งฆ่าเป็นเครื่องบูชา  ขนมปังไร้เชื้อ  ผักรสขม และเหล้าองุ่น
-     เมื่อรับประทานเสร็จ จะร่วมอธิษฐานขอบคุณพระเจ้า และร้อง สดุดี 115-118
-          ทรงล้างเท้าพวกสาวก (ยน 13.1-20)
·  สาวกโต้เถียงกันว่าใครจะเป็นใหญ่ (ลก 22.24-30)  จึงทรงสอนว่าคนที่เป็นใหญ่ต้องเรับใช้ผู้อื่น แล้วทรงกระทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง
-         ทรงบอกถึงการทรยศต่อพระองค์ (มธ 26.21-25, มก 14.18-21, ลก 22.21-23, ยน 13.21-30)
-     พระเยซูทรงรู้ว่ายูดาสจะทรยศพระองค์ ทรงเปิดเผยแก่สาวกเพื่อให้โอกาสทางอ้อมแก่ยูดาสกลับใจ เพราะสาวกต่างก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร  ยูดาสไม่ยอมกลับใจ ซาตานจึงสามารถทำงานในใจของเขา
-     ทรงตั้งพิธีมหาสนิท (มธ 26.26-29, มก 14.22-25, ลก 22.17-20, ยน 13.31-35)
-     หลังยูดาสออกไปแล้ว พระเยซูเพิ่มความหมายในพิธีปัสกาโดยมอบพันธสัญญาใหม่ให้แก่สาวก
-     พระองค์ทรงใช้อาหาร 2 อย่างเป็นเครื่องหมาย คือ ขนมปังไร้เชื้อและเหล้าองุ่น ซึ่งหมายถึงพระกายและพระโลหิตที่ต้องถวายเป็นเครื่องบูชาไถ่บาปมนุษย์
-     เปาโลได้อธิบายพิธีนี้เพิ่มเติมใน 1 โครินธ์ 11.23-32
-          คำตรัสเรื่องการเกิดผลมาก (ยน 15.1-27)
-     ใช้คำอุปมาเปรียบเทียบ เถาองุ่น คือ พระเยซู   แขนง คือ สาวก   ผู้ดูแล คือ พระเจ้าพระบิดา
-          ทรงอธิษฐานเผื่อพวกสาวก (ยน 17.1-26) ทรงอธิฐานต่อหน้าพวกสาวก และพวกเขาได้ยิน
-          การจับกุมที่สวนเกทเซมาเน (มธ 26.36-46, มก 14.32-42, ลก 22.39-46, ยน 18.1)
-    ทรงอธิษฐานก่อนทนทุกข์  ที่สวนนี้มีที่สำหรับบีบน้ำมันจากลูกมะกอก ที่สวนนี้ จิตใจพระเยซูอยู่ในสภาพบีบคั้นอย่างหนัก
-     ยูดาสนำฝูงชนและผู้นำศาสนามาจับกุม โดยการจุบ
-          การพิจารณาคดีของพวกยิว (มธ 26.57, มก 14.53, ลก 22.54, ยน 18.13)
-     เป็นช่วงเช้าตรู่ก่อนพระอาทิตย์ขึ้นของวันศุกร์
-     ทรงถูกพิจารณาคดี 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการสอบสวนหาความผิดมากกว่า
** ครั้งแรกที่สภายิว ซึ่งถ้าไม่ใช่โทษประหาร สภายิวก็ตัดสินได้เลย
** ครั้งที่ 2 ที่ศาลของโรมัน เราพพวกยิวต้องการประหารพระองค์แต่ไม่มีอำนาจ จึงต้องพี่งปีลาต
-     ข้อกล่าวหาที่ทำให้เขาตัดสินประหารชีวิตพระเยซู คือ พระองค์ทรงรับว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งพวกยิวถือว่าเป็นการดูหมิ่นพระเจ้าซึ่งมีโทษถึงตาย
-          เปโตรปฏิเสธพระเยซู (มธ 26.58, มก 14.54, ลก 22.54, ยน 18.15)
-    สาวกเพียง 2 คนที่ตามพระเยซูไปในช่วงที่ถูกจับ คือ ยอห์น ซึ่งเขารู้จักกับมหาปุโรหิตเป็นส่วนตัว อีกคนคือเปโตร นอกนั้นหลบหนีด้วยความกลัว
-     เปโตรปฏิเสธพระเยซู 3 ครั้งภายในเวลาชั่วโมงกว่าๆ
กลางวันของวันศุกร์
-          การพิจารณาคดีของโรม (มธ 27.2-31, มก 15.1-20, ลก 23.1-25, ยน 18.28-19.6)
-     ปอนทิอัส ปีลาต เป็นที่รู้กันดีในคนยิวว่าเป็นผู้ปกครองที่เข้มงวด ดุดัน เหยียดหยามคนยิวความสัมพันธ์ไม่ค่อยดีกับผู้นำศาสนายิว เพราะปีลาตสั่งให้แห่รูปซีซาร์ไปตามถนนในกรุงเยรูซาเล็ม ทำให้ยิวไม่พอใจ ทั้งสั่งให้สังหารฝูงชน 2-3 ครั้ง เมื่อได้ยินว่าพวกยิวจะก่อจลาจล (ลก 13.1)
-     แต่การตัดสินพระเยซูกลับเป็นช่องทางที่ทำให้พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน
-     ปีลาดส่งพระเยซูไปให้เฮโรดด้วย ซึ่งอดีตเขาทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน แต่เหตุการณ์นี้ทำให้เขาคืนดีกัน (ลก 23.6-12)
-          การตรึงพระเยซูที่กางเขน (มธ 27.31-56, มก 15.20-41, ลก 23.26-49, ยน 19.16-37)
-     การตรึงกางเขนเป็นวิธีประหารชีวิตที่พวกโรมันใช้กับทาสหรือคนต่างชาติ
-     นักโทษที่ถูกตรึงตามปกติอาจกินเวลาหลายวันถึงจะตายอย่างทรมาน
-     กางเขนเป็นเครื่องหมายแห่งความอัปยศ ซึ่งโรมันใช้ประหารต่างชาติที่มีโทษรุนแรงที่สุด (แต่คนโรมันเองจะใช้วิธีตัดคอ)
-     สดุดี บทที่ 22 ได้พรรณนาไว้อย่างแจ่มชัดก่อนหน้านี้แล้ว
-          คำตรัสของพระเยซู  7  ประโยคบนกางเขน
   1. ให้อภัย โอพระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดอภัยโทษเขา เพราะเขาไม่รู้ว่า เขาทำอะไรลก 23.34
   2. อภัยและยอมรับ เราบอกความจริงแก่เจ้าว่า วันนี้เจ้าจะอยู่กับเราในเมืองบรมสุขเกษมลก 23.43
   3. ฝากมารดา จงดูบุตรของท่าน ... จงดูมารดาของท่านเถิดยน 19.26-27
   4. รู้สึกว้าเหว่ ตัดขาดจากพระบิดาเพราะบาป พระเจ้าของข้าพระองค์ๆ ไฉนทิ้งข้าฯเสียมธ 27.46
  5. ทรมานฝ่ายกาย เรากระหายน้ำยน 19.28
  6. ประกาศว่า สำเร็จแล้วยน 19.30
  7. ฝากวิญญาณไว้กับพระเจ้า พระบิดาเจ้าข้า ข้าฯฝากวิญญาณข้าไว้ในพระหัตถ์พระองค์ลก 23.46
-          ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นเมื่อพระเยซูสิ้นพระชนม์ (มธ 27.15-56)
-     ความมืดตั้งแต่เที่ยงถึงบ่ายสามโมง
-     ม่านที่วิหารขาดเป็น 2 ท่อน แสดงถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์กับพระเจ้าได้เปิดออกโดยพระองค์
-     แผ่นดินไหว,    อุโมงค์ฝังศพก็เปิดออก(น่าจะเป็นความหมายฝ่ายวิญญาณ)
-          การฝังศพพระเยซู (มธ 27.57-66, มก 15.42-47, ลก 23.50-56, ยน 19.38-42)
-     โยเซฟแห่งอาริมาเธีย มีฐานะดี เป็นสมาชิกสภายิว (มก 15.43)   สาวกลับๆ ได้ขอรับศพจากปีลาตมาฝังตามธรรมเนียม   พร้อมกับสาวกลับๆอีกคนคือ นิโคเดมัส
-     ยิวถือว่า ดวงอาทิตย์ตกคือเริ่มต้นวันใหม่ (วันสะบาโตพอดี ห้ามฝังศพ) จึงรีบฝังพระศพพระเยซูผู้ร้ายยังไม่ตายก็ทำให้ตายด้วยการทุบขาให้หัก จะเจ็บปวดยิ่งขึ้นและทรงตัวยาก หายใจยากตายไว
-     อุโมงค์ฝังศพนั้นจะขุดเข้าตามภูเขาและมีก้อนหินใหญ่สำหรับปิดปากอุโมงค์
-     ก่อนฝังจะชโลมเครื่องหอมที่ทำมาจากมดยอบกับกฤษณา แล้วพันผ้าเป็นมัมมี่ วางไว้ในอุโมงค์
-     พวกผู้นำยิวขอให้ปีลาตประทับตราอุโมงค์และมีทหารเฝ้าด้วย
วันอาทิตย์
-          การคืนพระชนม์และการปรากฏครั้งแรก (มธ 28.1-15, มก 16.1-11, ลก 24.1-12, ยน 20.1-18)
-     เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเช้าตรู่วันอาทิตย์หรือวันต้นสัปดาห์
** แผ่นดินไหว  ทูตสวรรค์กลิ้งก้อนหินออกแล้วนั่งอยู่บนหินนั้น ทหารหนีไป
-     กลุ่มคนที่อยู่ในเหตุการณ์ (มก 16.1, ลก 24.10, ยน 20.2-10)
** ผู้หญิงที่ไปที่อุโมงค์ มี มารีย์ชาวมักดาลา มารีย์(มารดา) นางสะโลเม โยฮันนา
** ทูตสวรรค์บอกพวกผู้หญิงว่า พระเยซูทรงเป็นขึ้นแล้ว และเสด็จไปที่แคว้นกาลิลี พวกเจ้าจะได้พบพระองค์ที่นั่น
** พวกผู้หญิงกลับมาบอกอัครทูต แต่พวกเขาไม่เชื่อ แต่เปโตรกับยอห์น เมื่อได้ยินมารีย์มักดาลาบอกก็รีบวิ่งไปที่อุโมงค์ ได้เห็นแต่ยังไม่เข้าใจ ???
** เมื่อเปโตรกับยอห์นได้กลับจากอุโมงค์แล้ว มารีย์มักดาลาได้ตามไปด้วยแต่ถึงทีหลัง นางจึงนั่งร้องไห้อยู่นอกอุโมงค์ พระเยซูได้ปรากฏกับเธอเป็นคนแรก
-          ทรงปรากฏบนถนนที่จะไปเอมมาอูส (มก 16.12, ลก 24.13-33)
-    บ่ายวันอาทิตย์  สาวก 2 คน คนหนึ่งชื่อ เดล โอปัส กำลังเดินทางไปเอมมาอูส(ห่างจากเยรูซาเล็มราว 11 กม.) กำลังคุยกันถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
-   พระเยซูได้ร่วมเดินทางไปกับเขา แต่เขาจำไม่ได้ จนเข้าไปในบ้าน ทรงหักขนมปัง เขาจึงรู้ว่าเป็นพระองค์ แล้วพระองค์ก็หายไป
-          ทรงปรากฏกับเปโตรและพวกสาวก (มก 16.13-14, ลก 24.33-43, ยน 20.19-25)
-     เย็นวันอาทิตย์ ขณะที่พวกเขาประชุมกัน  ทรงปรากฏ และได้ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าพระองค์เป็นขึ้นมาจริงๆทั้งกายและวิญญาณ โดยที่โธมัสไม่ได้อยู่ด้วย
-          ทรงปรากฏเพื่อโธมัสจะแน่ใจ (ยน 20.26-31)
-     โธมัสคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในคืนนั้นและเขาไม่ยอมเชื่อจนกว่าจะได้เห็นเอง
-      วันอาทิตย์ถัดไป พระเยซูปรากฏอีกครั้งท่ามกลางพวกเขาเพื่อให้โธมัสแน่ใจ
ช่วงเวลา 40 วัน และการเสด็จขึ้นสู่สวรรค์
       ** 1. ทรงปรากฏที่ทะเลกาลิลี (ยน 21.1-25)
-         พวกสาวก 7 คนกลับมาที่กาลิลีมาทำอาชีพประมงอีก เนื่องจากสับสนไม่รู้จะทำอะไรต่อไป
-         พวกเขาจับปลาไม่ได้ทั้งคืน เมื่อกำลังนำเรือเข้าฝั่ง พระเยซูปรากฏกับเขาแต่เขาจำไม่ได้ พระองค์สั่งให้หย่อนอวนลง พวกเขาทำตามและจับปลาได้เป็นอันมาก
-         ยอห์นจำพระองค์ได้ก่อนจึงบอกเปโตร  เปโตรจึงรีบกระโดดออกจากเรือมาหาพระองค์
** ถ้าเราหันออกจากน้ำพระทัยพระเจ้าแล้วจะไม่เกิดผล แต่ถ้าเชื่อฟัง ทำตาม จะเห็นผลมากมาย **
       ** 2. ทรงมอบภารกิจที่สำคัญ (มธ 28.16-20, มก 16.15-18)
-      ทรงรับมอบ ฤทธานุภาพทั้งสิ้นในสวรรค์ก็ดี ในแผ่นดินโลกก็ดี ทรงมอบไว้แก่เราแล้ว
- ทรงสั่งสาวกเหตุฉะนั้น เจ้าทั้งหลายจงออกไปสั่งสอนชนทุกชาติให้เป็นสาวกของเรา
-สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือ ให้รับบัพติศมาในพระนามแห่งพระบิดา พระบุตรและพระวิญญาณบริสุทธิ์
-          สรุป คือ ให้นำคนมาเชื่อ สอนให้เขาถือรักษาสิ่งสารพัดซึ่งเราได้สั่งพวกเจ้าไว้’ (เติบโตขึ้น)
-          คำสัญญา นี่แหละ เราจะอยู่กับเจ้าทั้งหลายเสมอไป จนกว่าจะสิ้นยุค
       ** 3. คำตรัสย้ำภารกิจที่ทรงมอบไว้ (ลก 24.44-49)
-         ทรงใช้ 40 วันสอนสาวกในสิ่งที่ทรงเคยสอนแล้ว พวกเขาจึงเข้าใจถึงความเป็นพระเจ้าของพระองค์และพระราชกิจของพระองค์ยิ่งขึ้น พวกเขาพร้อมที่จะออกไปปฏิบัติภารกิจต่อจากพระองค์
-    ทรงสั่งให้คอยรับพระวิญญาณบริสุทธิ์ก่อนไปรับใช้ ราว 10 วันหลังจากที่เสด็จขึ้นสู่สวรรค์
       ** 4. เสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (มก 16.19-20, ลก 24.50-53, กจ 1.9-12)
-         สถานที่ที่พระเยซูเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ คือ ภูเขามะกอกเทศ อยู่เลยหุบเขาขิดโรน (ห่างเยรูซาเล็มเป็นราว 2000 คิดบิท (ครึ่งไมล์กว่าๆ) ซึ่งเป็นระยะทางที่อนุญาตให้เดินได้ในวันสะบาโต (กจ 1.12) เพราะวันนั้นเป็นวันสะบาโตคือวันเสาร์
-      ตรัสย้ำถึงภารกิจสำคัญ และอวยพรสาวก แล้วเสด็จขึ้นสู่สวรรค์ (กจ 1.8-9) ต่อหน้าต่อตาพวกเขา
-  ทูตสวรรค์บอกกับสาวกว่า พระองค์จะเสด็จกลับมาอย่างที่ได้เห็นพระองค์เสด็จไปสวรรค์นี้อีกครั้ง

No comments:

Post a Comment