Saturday, March 28, 2020

ไปดูงานที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท


จากที่ข้าพเจ้า ได้ไปดูงานที่ สถานสงเคราะห์เด็กอ่อนพญาไท ซึ่งเป็นหน่วยงานสังกัดกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ ก่อตั้ง เมื่อปี พ.ศ. 2496 ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นสถานสงเคราะห์เด็กอ่อนแห่งแรกที่ให้การอุปการะเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง และครอบครัวประสบปัญหา ทั้งเด็กชายและเด็กหญิง อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง 5 ปี ส่วนใหญ่รับเด็กมาจากโรงพยาบาลที่แม่คลอดลูกมาแล้วทิ้งลูกไว้ เพราะไม่พร้อมที่จะมีบุตร บางส่วนรับมาจากที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ บนสะพานลอย ฯลฯ และ เด็กที่ถูกผู้ปกครองหรือพ่อแม่ทารุณกรรม
เด็กส่วนมากเกิดมาจาก พ่อแม่ที่เป็นวัยรุ่น พี่ที่สถานสงเคราะห์บอกนักศึกษาที่ไปเยี่ยมชมว่า สถิติการตั้งครรภ์ของวัยรุ่นไทย คือ วัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ตั้งครรภ์ 700 คน คลอด 400 คน ทุกวัน ซึ่งหมายความว่าอีก 300 คน คงโดนทำแท้ง ดังนั้นแม่จึงตกเป็นฆาตกรที่ฆ่าลูกในไส้ของตนเอง 
ทางสถานสงเคราะห์นั้นพยายามช่วยเด็กให้ได้มีครอบครัวบุญธรรม และมีชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยที่รับเด็กกำพร้าเหล่านี้เป็นบุตรบุญธรรม ส่วนใหญ่เด็กที่ชาวต่างชาติรับไปเลี้ยง จะโตมากลายเป็นเด็กที่ดีในสังคม มีอนาคต มีการมีงานที่ดีทำ การรับบุตรบุญธรรมนั้น ทางสถานสงเคราะห์จะเป็นผู้เลือกเด็กให้ ซึ่งครอบครัวบุญธรรมสามารถระบุ เพศที่ต้องการ นิสัย ของเด็กได้ แต่ไม่สามารถเดินเข้าไปเลือกเองได้ ทั้งนี้เป็นเพราะสถานสงเคราะห์ต้องการคนที่รักและอยากได้บุตรบุญธรรมจริงๆ โดยไม่เลือกเด็กที่หน้าตา รูปร่าง สีผิว ซึ่งข้าพเจ้าเห็นด้วยกับวิธีนี้ เพราะ เด็กเหล่านี้ไม่ใช้สินค้า ที่เราจะมาเลือกเอาความสวยความงาม แต่เรากำลังเลือกเด็กคนหนึ่ง เพื่อนำเขาออกไปจากสถานสงเคราะห์ และให้ความรักและอบรมสั่งสอนเพื่อให้เด็กคนนั้นกลายเป็นคนที่ดีในอนาคต
 เมื่อ ข้าพเจ้าได้ยินเช่นนี้รู้สึกสงสารเด็กกำพร้าเหล่านี้มาก เด็กเหล่านี้เป็นเด็กที่ขาดความรัก ความอบอุ่นจากพ่อแม่ เด็กๆพยายามไขว่คว้าหาความรักจากผู้คนที่เข้าไปเยี่ยม ข้าพเจ้ารู้สึกเช่นนี้ เพราะตอนที่ข้าพเจ้าเข้าไปเล่นกับเด็กในห้องเล่นของเด็กอายุ ประมาณ 3-4 ปี มีเด็กๆหลายคนมาขอให้อุ้ม ร้องเรียกข้าพเจ้าว่า แม่ๆ อุ้มหนู อุ้มหนูเมื่อข้าพเจ้าอุ้มเด็กคนหนึ่ง อีกคนก็อยากให้อุ้ม อีกคนมาเกาะที่ขา เมื่อข้าพเจ้าเห็นเช่นนี้ ข้าพเจ้าจึงนั่งลงเล่นกับเด็กทุกคนที่เข้ามาหาข้าพเจ้า เพราะไม่อยากให้ เด็กคนใด คนหนึ่งน้อยใจ
เมื่อข้าพเจ้าได้เล่นกับเด็ก ข้าพเจ้าสังเกตุเห็นว่า เด็กเหล่านี้ ขาดความรักมาก แววตาของเขาบ่งบอกว่า ต้องการพ่อแม่ ต้องการครอบครัว อยากให้มีคนคอยกอด คอยอุ้ม เนื่องจาก พี่เลี้ยงในสถานสงเคราะห์มีจำนวนน้อย ไม่สามารถจะใช้เวลากับเด็กได้อย่างทั่วถึง ไม่สามารถพูดคุยกับเด็กได้อย่างสนิทสนม เพราะมีขีดจำกัด อีกทั้งพี่เลี้ยงเองก็มีครอบครัว บางคนมีลูกคอยอยู่ที่บ้าน และ พี่เลี้ยงคนหนึ่งต้องดูแลเด็กถึง 20-30 คน ซึ่งส่งผลให้พี่เลี้ยงทุกคนเหนื่อยล้ามาก
ถ้ามีโอกาสข้าพเจ้าจะชวนครอบครัว เพื่อนๆของข้าพเจ้ากลับไปเยี่ยมเด็กเหล่านั้น ไปจัดกิจกรรมให้เด็กๆ นำของขวัญไปแจกแก่เด็กๆ ข้าพเจ้าอยากให้เด็กๆเหล่านั้นได้รู้ว่า ข้าพเจ้ายังรักเขา ถึงแม้ว่า พ่อแม่ที่แท้จริงจะไม่เคยเยี่ยมเขา แต่ข้าพเจ้าจะไปเยี่ยมเขา และเล่นกับเขา กอดเขา บอกเขาให้รู้ว่าเขาไม่ได้อยู่บนโลกนี้เพียงลำพัง แต่ยังมีคนที่เป็นห่วงเขาอยู่

No comments:

Post a Comment